ย้อนไปวันที่ 24 ก.ค.2568 เวลา 15.00 น. “กองทัพภาคที่ 2” ประเมินสถานการณ์ มีการปฏิบัติสำคัญ 10 จุด ได้แก่ แนวช่องบก...ตรึงกำลังระหว่างสองฝ่าย ช่องอานม้า ...เครื่องบิน F–16 ไทยทำการโจมตีฐานกำลังกัมพูชา ซำแต (อ.กันทรลักษ์)...รถถังไทยเข้ายึดพื้นที่จุดตรวจการณ์ภูผี...โต้ตอบจากช่องตาเฒ่า เขาสัตตะโสม... ทำลายรถถังกัมพูชา 2 คัน วัดแก้วฯ...ใช้รถถังยิงถล่ม พร้อมส่งกองร้อยราบยึดคืน ภูมะเขือ...ทำลายกระเช้าส่งกำลังบางส่วน ช่องจอม...การปะทะข้อต่อเนื่อง ปราสาทตาควาย...ไทยเริ่มรอบสอง ปราสาทตาเมือนธม...ไทยจัดกำลังกัมพูชาพยายามเข้าตีปฏิบัติการนี้ พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ได้รับมอบหมายเป็นผู้อำนวยการเหตุการณ์ และเป็นผู้อนุมัติแผนการ “ยุทธบดินทร์” ทั้งทางบกและอากาศ ภายใต้แผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ของกองทัพบกปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ถือเป็นการตอบโต้ทางทหารที่มุ่งเน้นทั้งทางบกและทางอากาศ ใช้อาวุธหนัก ครอบคลุมพื้นที่ชายแดนสำคัญ เป็นสัญญาณยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนจากไทยว่า “การละเมิดอธิปไตยจะไม่ได้รับการเพิกเฉย” พร้อมสัญญาณทางทูตที่จะใช้หลักฐานการปฏิบัติเป็นฐานในการแสดงจุดยืน ปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์”…Operation “Yuttha Bodin” “บดขยี้ทุกศัตรูผู้เหยียบย่ำแผ่นดินไทย”…เฟซบุ๊กเพจ “ข่าวทหาร” อธิบายขยายความไว้ว่า “ยุทธบดินทร์” เป็นชื่อรหัสปฏิบัติการทางทหารที่รวมคำว่า “ยุทธ”...หมายถึง การรบหรือการยุทธ์ “บดินทร์”...หมายถึง แผ่นดิน...“ยุทธการแห่งการปกป้องแผ่นดินอย่างถึงที่สุด”กองทัพไทยจะตอบโต้ศัตรูที่ล่วงละเมิดอธิปไตยของชาติ ด้วยความเฉียบขาด ถูกต้องตามหลักสากล และชอบธรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ...“เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน เพื่อเกียรติภูมิไทย”สิ่งที่ทำให้ปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” แตกต่างจากการเผชิญหน้าในอดีต คือ ระดับความรุนแรงและการมุ่งเป้าโจมตีพลเรือนหัวใจหลักของความขัดแย้งนี้คือการสูญเสียชีวิตของ... “คนไทย” ทั้งในส่วนของกำลังพลทหาร ผู้เสียสละที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตย พลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนต้องเป็นเหยื่อชีวิตทหารที่พลีชีพ...ทหารไทยต้องเผชิญกับอันตรายจากทั้งการปะทะโดยตรง การซุ่มโจมตี และกับระเบิดในพื้นที่พิพาท การเสียชีวิตของทหารแต่ละนายไม่ได้หมายถึงเพียงการสูญเสียกำลังพล แต่ยังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของกองทัพและสร้างความโศกเศร้าแก่ครอบครัว พลเรือนผู้บริสุทธิ์...หลายครั้งการปะทะไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ทางทหาร แต่อาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ หรือจรวด BM-21 ได้ถูกยิงเข้ามาในเขตชุมชนของไทยโดยตรง ทำให้บ้านเรือนเสียหายและ...ที่เลวร้ายที่สุดคือการคร่าชีวิตพลเรือน เด็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบใดๆ การเสียชีวิตของพลเรือนถือเป็นการละเมิดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างแสนสาหัสในหมู่ประชาชนชายแดนนอกเหนือจากการเสียชีวิต ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและพิการทุพพลภาพจากการปะทะ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขาและภาระของครอบครัวและสังคมในระยะยาว นับรวมไปถึงการอพยพและการพลัดถิ่น เมื่อเกิดการปะทะรุนแรง ประชาชนต้องอพยพหนีภัย ทิ้งบ้านเรือนและทรัพย์สิน สิ่งนี้ไม่เพียงสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ แต่ยังบั่นทอนสุขภาพจิตและความรู้สึกมั่นคงในชีวิตของผู้ที่ต้องพลัดถิ่นฐานผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศบางท่านให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น “สงครามขนาดเล็กระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา” แสดงให้เห็นถึงการยกระดับความรุนแรงจากการใช้อำนาจทางการทหารเต็มรูปแบบนอกจากนี้ มีประเด็นวิเคราะห์ที่ชี้ว่าข้อพิพาทชายแดนครั้งนี้ “ไม่ใช่เรื่องชายแดน แต่เป็นเป้าประสงค์อย่างอื่น” และมองว่าสถานการณ์ “ส่อยกระดับ” หลังมีการประกาศปิดด่านการค้าชายแดน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนเหตุปะทะในวันที่ 24 ก.ค.68 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดที่สะสมมาก่อน“ต้องคำนวณแล้วว่า...ใครจะทนความสูญเสียได้มากกว่ากัน” น่าสนใจว่าปมมรดกความขัดแย้งไทย–กัมพูชา...“ไม่ง่ายนักที่จะลดอารมณ์ความรู้สึกของสังคมไทยขณะนี้”ปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ภายใต้แผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ในภาพใหญ่ เป็นแผนป้องกันประเทศที่สำคัญของกองทัพบกไทย เป็น “แผนเผชิญเหตุ” หรือแผนรับมือภัยคุกคาม ไม่ใช่แผนการรุกรานจุดประสงค์หลัก เพื่อปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนจากการรุกราน หรือการใช้กำลังจากภายนอกประเทศ ถัดมาสร้างกลไกการสั่งการที่ชัดเจน แผนนี้กำหนดสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนโดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติและมอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ภาคสนาม ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจ...สั่งการรวดเร็วในภาวะวิกฤติ และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเปรียบเทียบกับอดีต แผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ไม่ใช่ของใหม่ หากเคยถูกนำมาใช้ในเหตุการณ์ปะทะปราสาทพระวิหารในปี 2554 ซึ่งในครั้งนั้นก็สามารถควบคุมสถานการณ์และทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องล่าถอย แสดงให้เห็นว่าเป็นแผนที่มีประสิทธิภาพและผ่านการทดสอบมาแล้วในสถานการณ์จริงปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” จึงไม่ใช่แค่การตอบโต้ทางทหาร แต่เป็นการแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวของประเทศไทยในการปกป้องอธิปไตยและชีวิตของพลเมือง ทว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อน...สะท้อนความเปราะบางสันติภาพชายแดนที่ท้าทายยิ่ง.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม