อุตุฯเตือน 33 จังหวัดเตรียมรับมืออิทธิพลพายุ โซนร้อน “วิภา” หลังขึ้นฝั่งเวียดนามจะอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำ เคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่าน ลาวตอนบนและภาคเหนือตอนบนของไทย เชียงใหม่ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ผวจ.-อธิบดี ปภ.สั่งทุก หน่วยเตรียมพร้อมเต็มพิกัด ทั้งระบบเตือนภัย เครื่องจักร อุปกรณ์ช่วยเหลือจัดตั้งศูนย์พักพิง ชาวแม่สายยังผวา หนักจากน้ำท่วมใหญ่ปีก่อน เร่งขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูงพร้อมเตรียมอพยพหนีน้ำ ขอนแก่นมั่นใจเอาอยู่ เขื่อนกักเก็บน้ำยังรับได้อีกมาก เขื่อนเจ้าพระยาเร่งกำจัด ผักตบชวากว่า 20,000 ตัน ไหลมาติดเหนือเขื่อน ปรับเพิ่มระบายน้ำขั้นบันไดรอรับมวลน้ำจากภาคเหนือทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมรับมืออิทธิพลของพายุ “วิภา” ที่คาดการณ์ว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายจังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือตอนบน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องพายุ “วิภา” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 12 (198/2568) เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 22 ก.ค. พายุโซนร้อน “วิภา” ปกคลุมบริเวณเมืองนิญบิ่ญ ประเทศเวียดนาม มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กม.ต่อ ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 10 กม.ต่อ ชม. คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ โดยจะเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศลาวตอนบนและภาคเหนือตอนบนในระยะต่อไป สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทยจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จะส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 22-24 ก.ค. บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก หลายพื้นที่กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก วันที่ 23-24 ก.ค. มีดังนี้ ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี ภาคตะวันออก จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ สำหรับทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 กรมชลประทาน อ.เมืองเชียงใหม่ ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เตรียมความพร้อมรับมือพายุวิภา หลังจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือคาดการณ์ว่าฝนจะเริ่มตกตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไปและจะตกหนักในวันที่ 23 ก.ค. นายนิรัตน์เผยว่า ได้เปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 พร้อมกับเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงใหม่ (ส่วนหน้า) ที่อำเภอฝาง เพื่อติดตามและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อำเภอฝาง แม่อาย ไชยปราการ เวียงแหง และเชียงดาว เป็นพื้นที่ทางทิศเหนือของจังหวัด มีความเสี่ยงเกิดฝนตกหนักและดินโคลนถล่ม ขณะเดียวกันได้เปิดให้บริการสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชม. จัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราวไว้ 40 แห่ง สถานที่จอดรถหนีน้ำรองรับได้ 10,500 คัน ส่วนพื้นที่เสี่ยงการเกิดน้ำท่วมขังในเขตเมืองเชียงใหม่ มีการจัดตั้งศูนย์ CMFORCE พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชม. นอกจากนี้สั่งการไปยังทุกอำเภอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนจ.เชียงราย ชาว อ.แม่สาย เตรียมพร้อมรับมือพายุวิภา นำกระสอบทรายมากั้นหน้าบ้าน ขนย้าย ข้าวของขึ้นไว้บนที่สูง และเตรียมพร้อมอพยพ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะที่ตลาดสายลมจอย พ่อค้าแม่ค้ายกของขึ้นที่สูงทั้งหมด แต่ยังคงเปิดร้านวางจำหน่ายสินค้าเล็กน้อย ส่วนที่ชุมชนเกาะทราย ทหารช่างนำกระสอบทรายมาปิดกั้นริมแม่น้ำสายพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เตรียมรับมือ ชาวบ้านที่เคยประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้วเตรียมอพยพหนีน้ำออกไปหาห้องเช่าในตัวอำเภอไว้เป็นที่อยู่อาศัยและเก็บรถชั่วคราว นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศบาลตำบลแม่สาย กล่าวว่า เตรียมจุดที่ตั้งเป็นศูนย์อพยพไว้ 4 แห่ง เพื่อรองรับประชาชนหากเกิดน้ำท่วม ผู้ป่วยติดเตียงจะย้ายไปไว้ที่โรงพยาบาลทันที อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถรับมือน้ำท่วมได้ หากไม่มีน้ำหนุนจากภายนอกเข้ามาที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น เรียกประชุมประเมินสถาน การณ์เตรียมรับปริมาณน้ำฝนและมวลน้ำหนุนจากพายุวิภา ส่งผลให้พื้นที่อำเภอตอนบนทั้ง อ.น้ำพอง อ.สีชมพู อ.เขาสวนกวาง อ.ภูผาม่าน รวมทั้งเขต อ.เมืองขอนแก่น เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า นายไกรสรกล่าวว่า ปริมาณแหล่งน้ำกักเก็บปัจจุบันที่เขื่อนอุบลรัตน์มีน้ำร้อยละ 27 ยังคงสามารถรับน้ำ ได้อีก 1,700 ล้าน ลบ.ม. เช่นเดียวกับบึงหนองโคตรรับน้ำได้อีก 3 ล้าน ลบ.ม. ช่วงที่พายุวิภาพาดผ่าน ประมาณ 3 วัน คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าพื้นที่ประมาณ 300 ล้าน ลบ.ม. แหล่งกักเก็บน้ำยังรับมือได้อีกมาก อย่างไรก็ตาม สั่งการให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย น้ำท่วม ชุดปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆต้องปฏิบัติงานได้ทันทีตลอด 24 ชม. และต้องเร่งระบายน้ำให้กลับสู่ภาวะปกติได้ภายใน 2 ชม.ที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท สถานการณ์น้ำ ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง กรมชลประทานทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำ ผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในรูปแบบขั้นบันไดและยังผันน้ำ เข้าสู่ระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบของพื้นที่ท้ายน้ำ นอกจากนี้ โครงการ ส่งน้ำและบำรุงรักษาเจ้าพระยา นำเครื่องจักรลงพื้นที่ เก็บผักตบชวาและวัชพืชกว่า 20,000 ตัน ที่ไหลตามน้ำมาติดอยู่เหนือเขื่อนเพื่อเปิดทางไหลของน้ำให้สะดวกและรอรับมวลน้ำจากภาคเหนือที่ได้รับผล กระทบจากพายุวิภา ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณ น้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 15.58 เมตร/รทก. ท้ายเขื่อน 10.33 เมตร/รทก. ระดับน้ำห่างจากตลิ่ง 6.01 เมตร มีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 812 ลบ.ม./วินาที จากการคาดการณ์ช่วง 1-7 วันข้างหน้า มีความจำเป็น ต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนในอัตรา 700-1,200 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีก 20-80 ซม.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่