“กองทัพบก” เดินเกมเชิญผู้ช่วย ทูตทหาร 47 ประเทศ ฟังข้อเท็จจริง ปมเขมรละเมิดอนุสัญญาออตตาวา “โฆษก ทบ.” ระบุผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชาไม่ได้แก้ต่างใดๆ ส่วนมาตรการอื่นเป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศส่งมอบเอกสารหลักฐานยืนยันให้แต่ละประเทศ ขณะที่ มทภ.2 ฮึ่ม ถ้านักท่องเที่ยวมีเรื่องชกต่อย จ่อปิดกลุ่มปราสาทโบราณทันที 7 วัน หลังพบเขมรขึ้นมาป่วน ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดย ตร.ภ. 3 สนับสนุนกองร้อยควบคุมฝูงชน ช่วยคัดกรองคนขึ้นปราสาทความเคลื่อนไหวหลังรัฐบาล โดยศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้ข้อสรุปถึงมาตรการตอบโต้กัมพูชากรณีพบทุ่นระเบิดสังหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เป็นเหตุให้ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่ง 1 ในนั้นอาการสาหัส ต้องตัดขา กลายเป็นผู้ทุพพลภาพถาวรต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงกรณีใช้ตำรวจปราบจลาจลช่วยดูแลนักท่องเที่ยวที่ปราสาทตาเมือนธม ว่า มีการประกาศว่ามวลชนประเทศกัมพูชามา 23 รถบัส และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์โซเชียลช่วยสนับสนุนว่า เป็นการรวมพลอีกครั้ง ฝ่ายไทยกังวล หากกระทบกระทั่งกัน ใช้กำลังและ อาวุธ เรื่องจะบานปลาย เลยขอรับการสนับสนุนกำลัง ตำรวจปราบจลาจล จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ส่งตำรวจภูธรภาค 3 มา ใช้กำลังเฉพาะวันที่ 20 ก.ค. วันเดียวเท่านั้น ดังนั้น ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติถือว่าคลี่คลายแล้วส่วนที่ห้องรับรอง 211 กองบัญชาการกองทัพบก วันเดียวกัน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนกองทัพ รับมอบอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท จากนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย เพื่อนำไปให้กับทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลาดตระเวนของหน่วย ทหาร ตอบโต้ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย พล.ท.บุญสินกล่าวขอบคุณกลุ่มรวมพลังแผ่นดินและประชาชนที่แสดงจุดยืนยึดแผ่นดินเป็นหลัก พร้อมทั้งย้ำว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ยอมให้เสียแผ่นดินเด็ดขาดพล.ท.บุญสินยังกล่าวถึงกรณีสร้างรั้วกั้นชายแดน ในบางจุดหากจำเป็นว่า ในพื้นที่กลุ่มปราสาทตาเมือน กัมพูชาไม่ยอมรับว่าเป็นของไทย ตอนนี้ทั้ง 2 ประเทศคุยกันคนละเรื่อง หากจะทำรั้วต้องยิงกัน ยึดพื้นที่กัน ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดแรงเสียดทานจากกลุ่มมวลชน แม้เราจะยืนยันว่าเป็นของไทย แต่เขาไม่ยอมรับนี่คือปัญหา ที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน สำหรับการ จัดระเบียบการท่องเที่ยว ทุกชาติเดินทางมาท่องเที่ยวได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของไทย หากมีการก่อกวน หรือมีเรื่องชกต่อย จะสั่งปิดปราสาททันที 1 สัปดาห์ เพื่อจัดระเบียบใหม่ และขณะนี้มีตำรวจภูธร ภาค 3 มาสนับสนุนกองร้อยควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้ามาช่วยในพื้นที่ คัดกรองอาวุธต่างๆ ก่อนเข้า ไปยังตัวปราสาท ตนได้พูดคุยกับทาง พล.ต.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 42 ของ กัมพูชา เน้นย้ำต้องควบคุมคนของตัวเองให้ได้ หาก คุมไม่ได้ก็จะปิดปราสาท หรือเข้ามาป่วนทำอะไรที่น่าเกลียด แสดงเชิงสัญลักษณ์ ถือว่าคุมคนของตัวเอง ไม่ได้ ตนจะปิดเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย และย้ำไปว่าให้กัมพูชาคัดกรองนักท่องเที่ยว เช่น ป้ามหาภัย กลุ่มฮาร์ดคอร์ ไม่อยากให้ขึ้นมา โดยจำกัดนักท่องเที่ยว ไม่เกินวันละ 100 คนส่วนที่ห้องศรีสิทธิสงคราม กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เวลา 14.00 น. กองทัพบกเชิญ ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย 47 ประเทศ รวมถึงพลจัตวา ฮอม คิม ผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชา เข้ารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย รวมถึงมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ทหารสังกัดกรม ทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ที่วางในเขตไทย ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคีที่ให้สัตยาบัน โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมการข่าวทหารบก เป็นประธานจากนั้นเวลา 15.00 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังจบการชี้แจงว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ทบ.ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในข้อเท็จจริง ส่วนทหารของกัมพูชาไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องความมั่นใจ ทางเราให้เหตุผลไปและจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ การเชิญมาในวันนี้เราทำตามนโยบายของ ผบ.ทบ.คือทำให้เป็นทางการ มีการชี้แจงเรื่องการละเมิดบูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวาด้วย และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดชายแดน มีช่องทางอะไรบ้าง ตั้งแต่ระดับรัฐบาล กระทรวงกลาโหมและ กองทัพภาค ยืนยันว่าผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชาไม่ได้แก้ต่างในที่ประชุมพล.ต.วินธัยกล่าวถึงกรณีทางการกัมพูชาออกมาปฏิเสธ แต่ผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชาไม่ได้โต้ตอบหรือพูดอะไร เป็นสิทธิของแต่ละฝ่าย เรามีหลักฐานที่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน ยืนยันว่าไทยเราอยู่ในกฎกติกา โดยเฉพาะทุ่นระเบิด ยืนยันว่าทูตทหารจากประเทศต่างๆไม่ติดใจในประเด็นที่เราชี้แจง ส่วนเรื่องการปฏิบัติการทางทหาร ให้เป็นเรื่องของหน่วยในพื้นที่ที่พยายามใช้ความอดทนอดกลั้น และใช้สันติวิธีต้องให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ประเมิน ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งมอบเอกสารหลักฐานยืนยันให้แต่ละประเทศ หลังจากเกิดเหตุมี 2 ลักษณะงาน ในระดับประเทศ กระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ สิ่งแรกที่ทำนอกเหนือจากการดูแลคนเจ็บ คือการดูแลความปลอดภัยของกำลังพล คือต้องค่อยๆเก็บกู้ ส่วนในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ที่มีการนัดหมายของคนไทย ขึ้นไปเผชิญหน้ากับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ตามกลุ่มปราสาทตาเมือน กองทัพภาคที่ 2 มีแนวทางในการดำเนินการอยู่แล้ว และได้พูดในที่ประชุมว่ามีกำลังของตำรวจเข้ามาสนับสนุน หากประเมินสถานการณ์แล้วเกิดการขยายผลความขัดแย้ง ส่วนจะถึงขั้นต้องปิดปราสาทหรือไม่ ขอให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ชี้แจงวันเดียวกัน ที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี นายสิตมน รัตนาวะดี ผู้ช่วยรองประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดในขณะปฏิบัติภารกิจออกลาดตระเวนพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี จำนวน 3 ราย ได้แก่ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียขา ส.อ.ปฏิพัทธิ์ ศรีลาศักดิ์ และพลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ และเสียสละต่อประเทศชาติ โดยมี พล.ต.อัครพนธ์ มูลประดับ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 และ พ.อ.สละ ทัพถาวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ให้การต้อนรับสำหรับบรรยากาศที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดวันที่ 22 ก.ค. มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย ส่วนตู้รับบริจาคที่ทหารกัมพูชานำมาวางไว้ภายในปราสาท ถูกยกออกไปแล้ว ซึ่งกองทัพบกได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่าตู้รับบริจาคที่เป็นประเด็นดังกล่าว เป็นตู้ไม้ทึบเก่าสีน้ำตาล มีช่องเจาะด้านบนสำหรับหยอดเหรียญหรือธนบัตร ประตูเปิด-ปิดอยู่ด้านหนึ่ง และมีช่องสำหรับล็อกกุญแจด้านล่าง ไม่มีการระบุเวลาเปิด-ปิดแน่ชัด จากการตรวจสอบ ตู้ดังกล่าวถูกนำมาวางโดยฝ่ายทหารกัมพูชา ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนเมื่อ พ.ศ.2554 เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายได้ทำบุญในโอกาสตามประเพณี โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ถือกุญแจ แต่เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในอนาคต และเพื่อความชัดเจนต่อผู้มาเยือน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทย หน่วยทหารฝ่ายไทยที่รับผิดชอบพื้นที่ได้ประสานกับฝ่ายกัมพูชา เมื่อเช้าวันที่ 21 ก.ค. ให้เคลื่อนย้ายตู้บริจาคออกจากพื้นที่ประกอบพิธีภายในปราสาท ไปตั้งยังฝั่งของฝ่ายกัมพูชาแทน เพื่อให้นักท่องเที่ยวกัมพูชาทำบุญโดยไม่ก่อให้เกิดความสับสน ฝ่ายกัมพูชาตอบรับข้อเสนอของฝ่ายไทย และยกตู้บริจาคออกจากพื้นที่ภายในปราสาทตาควายเรียบร้อยแล้วเมื่อเวลา 16.00 น.วันเดียวกันอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่