“รองเต่า” เผยพบพิรุธบัญชีเงินวัดนครสวรรค์-พุทธอุทยานฯเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายเรียก-หมายจับผู้เกี่ยวข้อง ขณะที่ตำรวจ ปปป.ร่วมกับ ป.ป.ท.ไปตรวจสอบเอกสารที่วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ รวมทั้งไปดูพระพุทธศรีสัพพัญญู พระประธานในโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 48 ยังไม่เสร็จทั้งๆที่มีข่าวยอดเงินบริจาคเข้ามามหาศาล เผยรองผู้การ ปปป.เรียกสอบพระคนสนิท “สมีสฤษดิ์” เปิดกุฏิอดีตเจ้าอาวาสวัดพบโฉนดที่ดินชื่อสีกาคนหนึ่งในตัวละครอยู่ในเซฟ ด้านผู้ช่วยสมภารโอดวัดนครสวรรค์ตกเป็นจำเลยไปด้วย ยันทำอะไรมีเอกสารชี้แจงทุกเรื่อง ขณะที่อดีตมหายอดเพชรกลับวัดเอ่ยปากขอโทษชาวบ้านทำเรื่องฉาว ส่วนคดีเงินและทองหายที่วัดม่วง ตำรวจยังไม่พิจารณาข้อหาแจ้งความเท็จกับเจ้าอาวาสกรณีตำรวจ ปปป.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันชำระวงการสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่จับกุม น.ส.วิลาวัลย์ ขอสงวนนามสกุล หรือสีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาสนับสนุนการกระทำความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฯ หรือรับของโจร สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ในคดีที่อดีตพระเทพพัชราภรณ์ หรือนายสมพงษ์ ฐิตโส อายุ 67 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา โอนเงินบัญชีวัดให้ ขณะเดียวกันคลิปในมือถือ “สีกากอล์ฟ” ที่ตำรวจยึดตรวจสอบส่งผลให้พระชั้นผู้ใหญ่สึกกันยกยวงรวมถึงตอนนี้ 13 รูป กลายเป็นสมี เพราะจำนนต่อหลักฐานคลิปฉาวและอยู่ในระหว่างตรวจสอบเส้นเงินเพื่อดำเนินการต่อไป ขณะเดียวกันศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย บช.ก.รับการร้องเรียนกรณีพระผู้ใหญ่ในภาคเหนือตอนล่างมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา และนำเงินบริจาคสร้างศาสนสถานไปใช้จ่ายส่วนตัว ทันทีที่สื่อประโคม ข่าว พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้ทำหนังสือลาออกทุกตำแหน่งและทำพิธีลาสิกขาทันที พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.หัวหอกทะลวงตรวจสอบวงการดงขมิ้นเผยผลเส้นเงิน “สมีสฤษดิ์” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ มีเงินโยงถึงสีกา 2 คน และพระลูกวัดอีก 1 รูป ต้องเรียกมาสอบ พร้อมส่งตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และ พศ.เข้าพบคณะกรรมการวัดนครสวรรค์ ขอตรวจเอกสารด้านเงินทั้งหมด ตามที่เสนอข่าวไปนั้นคุ้ยเอกสารสร้างพุทธอุทยานความคืบหน้าคดีฉาววงการดงขมิ้น เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 22 ก.ค. พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก. ปปป. พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. สำนักพุทธศาสนา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ นิมนต์พระครูสุธีธรรมบัณฑิต, ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ พาเข้าตรวจสอบเอกสารที่สำนักงานวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ เนื่องจากเอกสารของการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ (มจร.นครสวรรค์) อยู่ที่ห้องสำนักงานวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ ส่วนบรรยากาศในวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ เงียบเนื่องจากส่วนใหญ่จะมีเรียนช่วงเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาจะมีคนมาเรียนน้อยผช.สมภารโอดวัดตกเป็นจำเลยจากนั้น พ.ต.อ.สมรภูมิ พร้อมคณะ ไปตรวจสอบองค์พระพุทธศรีสัพพัญญู พระประธานในโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ ที่ยังสร้างไม่เสร็จ พระครูสุธีธรรมบัณฑิต, ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์เผยว่า งบประมาณการก่อสร้างองค์พระตั้งแต่ปี 47-48 ในตัวองค์พระ 30 กว่าล้าน ฐานชุกชี 10 กว่าล้าน ปิดทององค์พระ 10 กว่าล้าน หลังจากมีคดีความ คิดว่าจะทำให้ไปต่อได้อย่างไร มีงบประมาณจาก จ.นครสวรรค์ และประชาชนช่วยบริจาค เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ได้ใช้ประโยชน์มาก เช่น ใช้เป็นโรงพยาบาลสนามในช่วงโควิด และให้พระสงฆ์ได้นั่งวิปัสสนากรรมฐาน ส่วนเงินสดที่หลวงพ่อพัฒน์ถวายมาประมาณ 30 ล้าน ถึงแม้เป็นเงินสดจะต้องนำเข้าบัญชี เพราะมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้วเรื่องฉ้อโกงเงินวัดและเงินที่หลวงพ่อพัฒน์ได้นำไปทำอะไรบ้างก็มีเอกสารชี้แจง เช่น ทำถนนหลวงปู่พัฒน์ ปุญญกาโม 99 บารมีอุปถัมภ์ รวมไปถึงถนนเข้าพุทธอุทยาน ยังรับบริจาคอย่างต่อเนื่อง ขอชี้แจงว่าพุทธอุทยานไม่ใช่นิติบุคคล ต้องบริจาคผ่านวัด นครสวรรค์ โดยเปิดบัญชีเป็นชื่อวัดนครสวรรค์ วงเล็บไว้ว่าปิดทองคำเปลวพระพุทธศรีสัพพัญญู วัดนครสวรรค์ก็เป็นจำเลยไปด้วยตร.พบปัญหาการเงินใน มจรพ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. เผยว่า วันนี้มาเก็บข้อมูลหลักฐานต่อเนื่องจากวัด นครสวรรค์ ตรวจสอบงบประมาณการเงินของ มจร วิทยาเขตนครสวรรค์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้บริหาร สูงสุดอยู่ที่นี่ เบื้องต้นพบว่า มีปัญหาการบริหารทาง การเงินของ มจร วิทยาเขตนครสวรรค์ เช่น งบประมาณในการใช้จ่ายไม่เพียงพอ ปีหนึ่งงบบริหารไม่เพียงพอ 7-8 ล้านบาท รายละเอียดและเอกสารได้รวบรวมเอาไปวิเคราะห์ และสุ่มตรวจสอบเชิงลึกต่อไปว่ามีมูลที่เกี่ยวข้องอย่างไรต่อไป สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.จะเรียกมาสืบสวนเชิงลึกผอ.น้ำตาลเข้าทำงานถูกต้องต่อมา ผศ.ศศิกิจจ์ อ่ำจุ้ย ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายกิจการนิสิต เผยว่า เจ้าหน้าที่ มจร วิทยาเขตนครสวรรค์ ให้ความร่วมมือเต็มที่เกี่ยวกับเรื่องเอกสาร ทั้งหมด สำหรับเรื่องตรวจสอบจะยกให้เจ้าหน้าที่ ปปป.ตรวจสอบเชิงลึกให้หมด เบื้องต้นเห็นใบลาออกจาก ผศ.สุกัญญาณัฐ หรือนํ้าตาล อบสิณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาเขตนครสวรรค์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งให้เหตุผลว่าจะไปปฏิบัติหน้าที่ด้านวิชาการ ในตำแหน่งอาจารย์แทน ขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนที่เข้ามาทำงานนั้นได้สอบเข้ามาอย่างถูกต้องเรียกสอบพระสนิท “สมีสฤษดิ์”ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ห้องประชุมวัดนครสวรรค์ พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. เรียกพระ คนสนิท 3-5 รูป เข้าสอบเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของวัดและอดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ เบื้องต้นเอกสารการเบิกจ่ายเงินที่ใช้ในการก่อสร้าง สัญญาการก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเก็บเอกสารรายรับ รายจ่ายของวัดนครสวรรค์ และพุทธอุทยานสวรรค์ ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมรภูมิให้สัมภาษณ์หลังจากเรียกพระ ลูกวัดคนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ว่า หลังไปเปิดตู้เซฟในกุฏิเจ้าอาวาส พบเงินสดเป็นธนบัตรใบละ 20 บาท 3 ถุง โฉนดที่ดินมีชื่อนางสาว ภ. เป็นผู้ไถ่ถอนซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละคร ส่วนการสอบ ปากคำหนึ่งใน 3 ไวยาวัจกรวัดได้ความว่า ทุกครั้ง ที่มีการใช้เงินจะมีการเอาเอกสารมาให้เซ็น แต่ไม่ทราบ ว่าเบิกไปทำอะไร หลังจากนี้จะประสานไวยาวัจกรอีก 2 คน ที่อยู่ต่างจังหวัดเข้ามาให้ข้อมูล รวมทั้งจะนิมนต์ พระลูกวัดมาให้ข้อมูลอีกจำนวนหนึ่งด้วยอดีตมหายอดเพชรกลับวัดวันเดียวกัน ที่ศาลาการเปรียญ วัดท่าบัวทอง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร สมียอดเพชร อดีตพระศรีรัตนวิเชียร หรืออดีตพระมหายอดเพชร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าบัวทอง และอดีตเจ้าคณะตำบลวังจิก ที่ลาสิกขาจากกรณีคลิปหลุดกับสีกากอล์ฟ เดินทางมารับทรัพย์สินส่วนตัว พร้อมชี้แจงบัญชีวัดท่ามกลางการดูแล และสังเกตการณ์จากกำลังตำรวจ สภ.โพธิ์ประทับช้าง และ พศจ.พิจิตรขอโทษชาวบ้านทำเรื่องฉาวจากนั้น อดีตมหายอดเพชรได้ชี้แจงข้อมูลรายรับ-รายจ่าย และหนี้สินของวัดทั้งหมด 4 บัญชี พร้อมคืนกุญแจกุฏิเจ้าอาวาสต่อหน้าคณะกรรมการวัด ไวยาวัจกร และชาวบ้านที่มาร่วมรับฟังประมาณ 80 คน โดยเจ้าตัวขอโทษชาวบ้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และระบุว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างภายในวัด และชี้แจงกรณีเครื่องปั่นไฟของหมู่บ้านว่า ได้นำไปซ่อมไว้นานแล้วแต่จำชื่อร้านไม่ได้ ทั้งนี้ ยินดีรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง การชี้แจงใช้เวลา 1 ชั่วโมง ก่อนเข้าไปเก็บของส่วนตัว“เต่า” พบพิรุธคดี “สมีสฤษดิ์” อื้อวันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เผยถึงความคืบหน้า การสืบสวนสอบสวนคดีอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือ “สมีสฤษดิ์” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์พระอารามหลวง และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ในพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากพบข้อผิดปกติหลายเรื่อง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการลาออกของรักษาการผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตนครสวรรค์ และความเกี่ยวข้องของ บุคคลอื่นๆ ทั้งหมดนี้จะต้องสอบปากคำและเก็บรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดไม่กังวลยักย้ายทรัพย์สินพล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า การดำเนินคดีนี้ เป็นการบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วน เกี่ยวข้องกับการทุจริต ตำรวจมีหน้าที่ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ต้องดำเนินการเพื่อปกป้องความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสถาบันพระพุทธศาสนา ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กังวลเรื่องการโยกย้ายทรัพย์สิน เพราะตรวจสอบพยานหลักฐานมาพอสมควรแล้ว สำหรับประเด็นที่รักษาการผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) วิทยาเขตนครสวรรค์ลาออก จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติยังไม่ยืนยันข้อมูล แต่ยอมรับว่า เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายคน ใครก็ตาม ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเร่งคลี่ปม 20 ปีสร้างไม่เสร็จในส่วนของโครงการก่อสร้างพุทธอุทยานที่ใช้เวลากว่า 15-20 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่มีเงิน บริจาคจำนวนมหาศาลไหลเข้าสู่โครงการนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติชี้ว่าเป็นความท้าทายที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้ง ป.ป.ท., ปปป. และ ปปง.จะต้อง เดินหน้าตรวจสอบอย่างจริงจัง จะบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ได้ยืมเงินจากพระสงฆ์ในวัดที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมหาศาล ขณะนี้อยู่ระหว่าง การตรวจสอบ ส่วนการตรวจสอบบัญชีของวัดยังไม่ได้ รับรายงาน ขอให้เจ้าหน้าที่หน้างานดำเนินการไปก่อนคุ้ยเส้นเงินเสี่ย อ. บริจาค 50 ล้านรายงานข่าวระบุว่า ในส่วนของวัดนครสวรรค์ ที่คาดว่าได้เงินบริจาคมาหลายร้อยล้านบาทโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างพุทธอุทยานแล้ว นอกจากนี้ยังมีอดีตนักธุรกิจ “เสี่ย อ.” ที่เสียชีวิตจากการอัตวินิบาต กรรม เคยบริจาคเงินสูงถึง 50 ล้านบาทให้แก่วัดแห่งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ขัดแย้งกับยอดเงินในบัญชีวัดที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบในปัจจุบันเพราะเหลือเงินเพียงหลักล้านบาท เป็นสิ่งที่ตำรวจให้ความสนใจและเร่งตรวจสอบอย่างละเอียด เน้นไปที่การสืบหาเส้นทางโยกย้ายถ่ายเทเงินดังกล่าว ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่ตรวจสอบได้คดีวัดม่วงคู่กรณีจ่อแจ้งเท็จส่วนคดีเงินและทองคำรวมมูลค่า 20 กว่าล้านบาท ของ “พระราชวัชรพัฒนาทร” หรือ “เจ้าคุณณรงค์” เจ้าอาวาสวัดม่วง ซ.เพชรเกษม 63 หายปริศนานั้น เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่วัดม่วง พระนิทัศน์ อดีตคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เผยว่า เจ้าอาวาสได้เอาไปขายที่ร้านทองบางส่วน ตำรวจแจ้งมาว่าเจ้าอาวาสพอจะนึกออกว่าทองอยู่ไหนบ้าง แต่รายละเอียดมีไม่มาก สรุปได้คือทองไม่ได้หายแต่แกล้งทำเป็นหลงๆลืมๆ ทองเพิ่งจะขายไปจะลืมได้อย่างไร คิดว่าตำรวจคงมาสอบสวนต่อและรู้ว่าทองอยู่ไหน หากไม่อยู่บนกุฏิคิดว่าคงขายไปหมดแล้ว ส่วนเงินก็คงเอาไปใช้แล้วส่วนเอาไปใช้อะไรต้องไปถามที่เจ้าตัว ยืนยันว่าไม่มีการขโมยอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาตัวเจ้าอาวาสทำตัวเหมือนคนรวยคิดว่าอะไรก็ทำง่ายไปหมด แต่ไม่คิดว่าจะมีพระอย่างหลวงพี่ หากหลวงพี่ไม่ออกมาพูดเรื่องนี้ก็คงจบ เจ้าอาวาสเองเรื่องทองหายเป็นเพียงแค่การลงบันทึกประจำวัน ไม่ใช่แจ้งความ เอาไว้เป็นหลักฐานให้ญาติโยมดูเวลามาถามว่าเงินที่ทำบุญหายไปไหน และด้วยความเป็นพระผู้ใหญ่หากบอกว่าเงินและทองหายญาติโยมอาจจะนำเงินมาถวายเพิ่มอีกก็ได้ตำรวจยังไม่ด่วนรีบแจ้งข้อหาด้าน พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณา ข้อหาแจ้งความเท็จกับเจ้าอาวาสวัดม่วง ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานและยังมีองค์ประกอบอีกหลายอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลเรื่องทองคำที่หายแล้วว่าบางส่วนได้ขายไปแต่จากการสืบสวนพบว่าเจ้าอาวาสอ้างว่ามีการซื้อมาขายไป จำไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเท่าใด เนื่องจากมีอายุถึง 76 ปี ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการตรวจสอบ ยืนยันว่าตำรวจทำงานทุกด้านอย่างเต็มที่ถ้าพบข้อมูลว่าเป็นการแจ้งความเท็จก็อาจจะพิจารณาดำเนินคดีได้ ส่วนเรื่องทรัพย์สินบางส่วนที่อ้างว่าเจอแล้วตอนนี้ชุดสืบสวนได้เก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือใบซื้อขายต่างๆ ต้องดูว่าทุกอย่างมีข้อมูลตรงกันหรือไม่ ทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นทองคำหรือเงินสดที่เจ้าอาวาสอ้างว่าหายไป ยอมรับว่าบางส่วนรู้ที่มาที่ไปแล้ว ส่วนที่เหลือยังไม่พบต้องสืบสวนต่อไปว่า มีการขโมยไปหรือหายจริงหรือไม่อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่