ในหนังสือเล่าไว้เมื่อวัยสนธยา (มูลนิธิโกมลคีมทองพิมพ์ พ.ศ.2535) หัวข้อ หลักปฏิบัติเกี่ยวกับสตรี พระประชา ปสันนธัมโม สัมภาษณ์ท่านอาจารย์พุทธทาส ไว้หลายคำถาม รวมความยาว เกือบ 7 หน้ากระดาษคำถามแรก อาจารย์ครับ เกี่ยวกับสตรี อาจารย์ถือหลักอย่างไรครับก็ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในหนังสือพุทธประวัติเล่ม 1 ที่ตรัสแก่พระอานนท์ในเมื่อยังอยู่ในสภาพตั้งต้น ไม่ติดต่อด้วย ไม่ดู ไม่แลไว้ได้เป็นการดี ถ้าเราต้องเสียสละ เพื่อจะได้ประโยชน์อะไรจากการติดต่อ ก็เลือกข้างไม่ติดต่อ ถ้าจำเป็นต้องติดต่อ ต้องมีสติสัมปชัญญะเต็มที่ครั้นเมื่อสูงขึ้นไป ถึงขั้นที่มีหน้าที่ที่จะต้องสั่งสอนสตรีมันอยู่คนละขั้น ถ้าเชื่อตัวเองว่าจะทำได้โดยไม่เสียหาย ก็เอา ถ้าว่ามันไม่แน่ใจ เกรงจะเกิดเสียหาย ก็อย่าเอาอย่าเกี่ยวข้อง อย่าแตะต้อง มันไม่มีหลักอะไรที่แปลกใหม่ จากที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้อาจารย์ทำตามหลักนี้เพียงใดครับมากเท่าที่จะทำได้ มันต้องระวัง คือเรื่องอย่างนี้ผมไม่ชะล่าใจ ไม่เห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างที่เขามักจะทำกันกลัวเขาเรียกว่ากลัว เพราะโดยวินัย เราทำไม่ได้อยู่แล้ว โดยธรรมะเผลอนิดเดียว อันตรายโยมอรุณวตีเล่าว่า สมัยอาจารย์ยังหนุ่ม เวลาสนทนากับสตรี อาจารย์จะไม่มองหน้า อาจารย์มีเหตุผลอะไรหรือครับก็มันไม่มีเรื่องที่จะต้องมองดูหน้า ดูผมจะเป็นอย่างนั้น ไม่ชอบมองหน้าคน มองหน้าสบตา เกิดความหมายอะไรขึ้นมา มันเข้าใจผิดกันได้ไม่มองหน้า หลับตาพูดได้ยิ่งดี จะได้มีสมาธิ พูดแต่เรื่องจริงที่มีประโยชน์ที่ควรพูดไปมองเข้า มันจะเป็นอารมณ์ที่จะทำให้ใจยุ่งเปล่าๆ บางคนหน้ามันสวย บางคนหน้ามันไม่สวย บางคนหน้ามันหยี อะไรก็ไม่รู้ เสียเวลาที่จะไปรู้สึกแต่ไม่ใช่ที่จะไม่มองเสียเลย บางทีก็เหลือบไปพอดี ไปเห็นประจันหน้ากันก็มีเราแสดงความมั่นคง เขาจะดึงเราไปไม่ได้ ก็พอแล้วอาจารย์เคยคุยกับผู้หญิงสองต่อสองไหมบอกว่ากลัวยังไง เดี๋ยวนี้บางทีก็มี เรานั่งอยู่คนเดียว บางคนเข้ามาคุย บางทีก็คุยเหมือนกัน แต่ว่าสองต่อสอง ในลักษณะกามารมณ์ (หัวเราะ) มันกระดาก หรือละอาย หรือกลัวเรื่องเหล่านี้ถือตามวินัยก็ได้ ถ้าผิดวินัย ก็ไปแสดงอาบัติ ไปออกอาบัติเสียให้ถูกต้องอาจารย์ครับ ตั้งแต่อาจารย์บวชมา ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนเลยหรือครับชอบ ก็ชอบอย่างอื่น ไม่ได้ชอบในความหมายทางเพศ รู้สึกว่าแค่นั้นเอง มันเหมือนกันไปหมดเคยอ่านหนังสือของ น.ม.ส.เมื่อบวชใหม่ เขียนไว้ว่า พอดับเทียนแล้วก็เหมือนกันทุกคน (หัวเราะ) แสดงว่ารสบ้าๆนั้นเหมือนกันทุกคน ไม่มีสวย ไม่มีงาม ไม่มีนิ่มนวล ไม่มีวิเศษวิโส ดับเทียนแล้วเหมือนกันทุกคนอย่างนี้ มันก็ช่วยให้คิดนึกอะไรได้มาก ไม่มีคนสวย ไม่มีขี้เหร่ สัมผัสทางเนื้อหนัง เหมือนกันทุกคนทั้งหมดที่ผมคัดลอกมาแล้ว ก็แค่สองหน้ากระดาษ...ผมคงต้องขอคัดลอกหน้าต่อๆไปให้อ่านกัน เพื่อยืนยันให้ญาติโยมชาวพุทธรู้ว่า พระผู้ใหญ่ที่มั่นคงแข็งแรงในศีลาจารวัตร แบบพระแท้ ในบ้านเมืองเรา นอกจากท่านอาจารย์พุทธทาสแล้วยังมีอีกมากมายพระพุทธศาสนาของเรา ถ้าจะเปรียบ ก็เป็นต้นไม้แก่นต้นใหญ่ให้ร่มเงาแน่นหนา ที่เห็นๆกันว่าหลุดร่อยปลิวไปตามกิเลสตัณหา แต่ส่วนเปลือกที่เป็นกระพี้เท่านั้น.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม