นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันที่ 17 พ.ค. ของทุกปี เป็นวันความดันโลหิตสูงโลก ในปี 2568 นี้ สมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลก กำหนดประเด็นการรณรงค์ คือ “Measure Your Blood Pressure Accurately, Control It, Live Longer : วัดความดันอย่างไร สูงเกินไปคุมให้ดี ช่วยยืดชีวีให้ยืนยาว” มุ่งเน้นให้ประชาชนวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2562-2563) พบว่า ความชุกโรคความดันโลหิตสูงของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 25.4 หรือ 14 ล้านคน จากร้อยละ 24.7 หรือประมาณ 13 ล้านคน ในปี พ.ศ.2557 และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และพบว่ามีผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรักษาเพียง 7.4 ล้านคน ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแต่ยังควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ มีมากถึง 3.5 ล้านคน หากไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหัวใจขาดเลือด และโรคไตวายเรื้อรัง ส่งผลให้ผู้ป่วยพิการหรือเสียชีวิตนพ.สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรกินยาตามแพทย์สั่ง ร่วมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคุมน้ำหนัก รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วยสูตร 2:1:1 คือ ผัก 2 ส่วน : ข้าว 1 ส่วน : เนื้อสัตว์ 1 ส่วน หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มหรือมีโซเดียมสูง และออกกำลังกายระดับหนักปานกลาง งดดื่มสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการสูดควันบุหรี่ ทั้งนี้ ประชาชนควรวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ระดับความดันโลหิตที่เหมาะสมควรน้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม