เจอตัวแล้วพ่อค้ายานรกมือยิง “รอง สวป.สภ.เมืองเลย” สิ้นใจขณะเข้าจับกุมยาบ้า กลายเป็นศพขึ้นอืดอยู่บนแก่งหินกลางแม่น้ำเหือง ห่างด่านพรมแดนท่าลี่ ราว 3 กม. ในกระเป๋าคาดเอวมีปืนพกคาดเป็นทูตสังหาร พร้อมกระสุนเตรียมต่อสู้จำนวนมาก ชุดไล่ล่ามั่นใจไม่ผิดตัว จำรอยสักรูปมังกรบนร่างกายได้แม่น รอพิสูจน์ดีเอ็นเอยืนยันอัตลักษณ์บุคคลอีกครั้ง ด้าน “บิ๊กต่าย” เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพนายตำรวจกล้า ย้ำต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเป็นคนร้ายตัวจริง ตายจากสาเหตุใด ใครทำให้ตายจากเหตุอุกอาจสะเทือนขวัญ กรณี ร.ต.ต.ไพโรจน์ พรหมอินทร์ รอง สวป.สภ.เมืองเลย พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองเลย 3 นาย นำกำลังเข้าจับกุมนายบุญเกิด สิงห์เดชะ อายุ 33 ปี พ่อค้ายาเสพติดคนสำคัญ ขณะซ่อนตัวในกระท่อมสวนยางพาราท้ายหมู่บ้านกอไผ่โทน หมู่ 9 ต.กกดู่ อ.เมืองเลย แต่คนร้ายไหวทันชักปืนยิงใส่ตำรวจ กระสุนถูก ร.ต.ต.ไพโรจน์ เสียชีวิตคาที่ ก่อนหลบหนีไป ตรวจค้นกระท่อมพบปืนแก๊ปยาว ปืนสั้น ปืนลูกซองยาว รวม 3 กระบอก กระสุนปืน 4 นัด และยาบ้าประมาณ 1,000 เม็ด เหตุเกิดช่วงบ่ายวันที่ 10 เม.ย. หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.4 เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จาก จ.ขอนแก่น มาดูที่เกิดเหตุ สั่งระดมตำรวจ ชุดคอมมานโด หน่วยสวาท ชุดสืบสวนภาค 4 ชุดสืบสวน ภ.จ.เลย ชุดสืบสวน สภ.เมืองเลย ร่วม 200 นาย ติดตามไล่ล่านายบุญเกิดและให้พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ ประสานโรงพักในพื้นที่ จ.เลย ตั้งด่านเฝ้าสกัดการหลบหนีผ่านมาร่วม 1 สัปดาห์ ตำรวจหลายหน่วยงาน ระดมกำลังพลิกแผ่นดินไล่ล่าคนร้ายยิงตำรวจเสียชีวิตอย่างไม่ลดละ หลังมีพยานเป็นแม่ค้ายืนยันว่านายบุญเกิดมาขอซื้อแหนมและข้าวเหนียว ก่อนเดินเข้าด่านพรมแดนบ้านนากะเซ็ง อ.ท่าลี่ จ.เลย แต่ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ประจำด่านแล้ว ไม่พบหลักฐานการข้ามแดนของนายบุญเกิด คาดว่าอาจใช้ช่องทางธรรมชาติหลบหนีข้ามแม่น้ำเหือง ไปขึ้นฝั่งที่บ้านเมืองหมอ เมืองแก่นท้าว สปป.ลาว ล่าสุดเมื่อช่วงบ่าย 2 วันที่ 16 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้พบศพชายนอนหงายขึ้นอืดอยู่บนแก่งหินกลางแม่น้ำเหือง บริเวณปากห้วย ต.หนองผือ อ.ท่าลี่ จ.เลย ห่างจากด่านพรมแดนบ้านนากะเซ็งประมาณ 3 กม. สงสัยว่าอาจเป็นนายบุญเกิด คนร้ายที่ยิงตำรวจเสียชีวิตหรือไม่ สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ และมีกระเป๋าคาดเอวสีน้ำเงิน และศพติดค้างอยู่ในแก่งหินกึ่งกลางแม่น้ำเหือง ยังไม่รู้ว่าอยู่ในเขตฝั่งไทยหรือฝั่งลาวหลังรับแจ้งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าลี่ ชุดสืบสวน สภ.ท่าลี่ หน่วย นปพ.จ.เลย และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.เลย เดินทางลงพื้นที่ ปิดกั้นเส้นทางห้ามใครเข้าไป จากนั้นได้เข้าพิสูจน์ทราบในจุดพบศพ ถ่ายภาพมาตรวจสอบอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในชุดไล่ล่าจับกุมยืนยันว่า ศพชายนิรนามดังกล่าวคือนายบุญเกิด สิงห์เดชะ คนร้ายรายสำคัญที่กำลังตามล่าตัว แม้สภาพจะเสียชีวิตมา 2-3 วัน ศพเน่าเฟะแทบจำเค้าเดิมไม่ได้ แต่จำได้แม่นยำเพราะดูจากรอยสักสีรูปมังกรที่หน้าอกและไหล่ทั้ง 2 ข้าง มั่นใจว่าไม่ผิดตัวแน่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายศพมาขึ้นฝั่งไทย เพื่อพิสูจน์ปมการเสียชีวิตมาจากสาเหตุอะไร พร้อมตรวจดีเอ็นเอยืนยันอัตลักษณ์บุคคลต่อมาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.เลย แพทย์ รพ.ท่าลี่ และพนักงานสอบสวน ร่วมชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นยังไม่พบบาดแผลที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต ตรวจค้นในกระเป๋าคาดเอว พบปืนพก 9 มม. 1 กระบอก คาดเป็นอาวุธที่ใช้สังหารตำรวจขณะเข้าจับกุม แมกกาซีนปืน 2 อัน กระสุนปืน กว่า 20 นัด สร้อยคอทองคำ 1 เส้น สร้อยข้อมือทอง 1 เส้น เงินสดประมาณ 2,400 บาท บัตรประจำตัวประชาชน ระบุชื่อนายบุญเกิด สิงห์เดชะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 9 ต.กกดู่ อ.เมืองเลย บุหรี่และไฟแช็กสีเขียว 1 อันขณะเดียวกัน นายนริศ สิงห์เดชะ อายุ 65 ปี พ่อของนายบุญเกิด พร้อมญาติ หลังทราบข่าวพบศพชายนิรนามนอนตายกลางลำน้ำเหือง รีบเดินทางมาดูที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ยืนยันว่าศพดังกล่าวเป็นนายบุญเกิด ลูกชายหรือไม่ โดยเฉพาะกระเป๋าคาดเอวสีน้ำเงิน นายนริศบอกว่าไม่เคยเห็นลูกชายใช้กระเป๋าใบนี้ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตคงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์ให้แน่ชัด หากเป็นศพลูกชายจริงจะขอรับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่วัดศรีสุทธาวาส (วัดเลยหลง) อ.เมืองเลย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธานพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.ต.ไพโรจน์ พรหมอินทร์ รอง สวป.สภ.เมืองเลย ที่ถูก คนร้ายคดียาเสพติดยิงเสียชีวิต มีนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผวจ.เลย พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.4 เพื่อนข้าราชการตำรวจ และญาติผู้ตาย เข้าร่วมพิธีเนืองแน่น บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้าพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ ผบช.ภ.4 ว่า พบผู้เสียชีวิตที่แม่น้ำเหือง มีความเป็นไปได้ ที่จะเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับกุม ขณะนี้สั่งให้ตรวจชันสูตรพลิกศพทางกฎหมายก่อน จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการดำเนินการสอบสวน ในสำนวนการชันสูตรพลิกศพ ต้องพิสูจน์ว่าคนตายเป็นใครเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ตายด้วยสาเหตุใด หากตายผิดธรรมชาติต้องให้รู้ว่าตายด้วยอะไร และใครทำให้ตาย เมื่อพิสูจน์แล้วค่อยดำเนินการตามขบวนการสอบสวน ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนอะไร ขอตรวจสอบให้ละเอียด แน่ชัดอีกครั้งขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่