พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผอ.สำนักการแพทย์ กทม. กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพคนกรุงเทพฯ พบว่าผู้ป่วยเข้ามารับบริการตรวจรักษาในคลินิกมลพิษทางอากาศ โรงพยาบาลสังกัด กทม. ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีโรคเฉพาะเกี่ยวเนื่องกับฝุ่น โดยอยู่ในกลุ่มโรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ โรคจากปอดเรื้อรัง หอบหืด มีการสัมผัสฝุ่นทำให้อาการกำเริบไว รวมถึงผู้ป่วยทั่วไป มีอาการทั้ง ไอ เจ็บคอ ระคายคอ จาม น้ำมูกใส หรือ หายใจไม่สะดวก ตาแดง ตาอักเสบ เคืองตา และโรคทางผิวหนัง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาพบว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งถ้ารวมตัวเลขผู้ป่วยจากศูนย์บริการสาธารณสุข ที่มีกลุ่มอาการลักษณะเดียวกัน และมีความสงสัยว่าเกิดจากฝุ่นด้วยในภาพรวม มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าตัวพญ.เลิศลักษณ์กล่าวอีกว่า กรณีผู้ป่วยที่มีเลือดกำเดาไหลออกมา น่าจะได้รับผลกระทบจากฝุ่น ซึ่งเกิดขึ้นเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว ช่วงฝุ่นมากประกอบกับอากาศแห้ง ทำให้เส้นเลือดฝอยในช่องโพรงจมูกแตก เมื่อเราใช้นิ้วไปแคะ ก็ทำให้เลือดกำเดาออกมาได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นอันตรายร้ายแรง ดังนั้นจึงฝากให้ผู้มีโรคประจำตัว หรือกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มเสี่ยง ให้ตรวจสอบ หากพบว่าค่าฝุ่นมาก ควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน หากอยู่ในพื้นที่ที่สัมผัสฝุ่นให้ใส่หน้ากากอนามัยแบบ 2 ชั้น ใส่ให้แนบหน้า หรือใช้ประเภทกันฝุ่น N 95 จะดีที่สุด สำหรับประชาชนทั่วไปควรให้ความสำคัญกับจุดเริ่มต้นของการเกิดฝุ่น โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองรถยนต์ ลดการใช้รถส่วนตัวและใช้รถสาธารณะให้มากขึ้น เพื่อลดอัตราการเผาไหม้ โดยสำนักอนามัย มีการแจกหน้ากากอนามัย และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปตรวจในพื้นที่ต่างๆ ส่วนการป้องกันในบ้านให้ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ หากบ้านไหนมีเครื่องฟอกอากาศ ให้เปิดบ่อยๆ และควรหาพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็กและผู้สูงอายุ.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่