หนุ่มหัวร้อนขับเก๋งไล่ชนไรเดอร์ดับสยองรอดนอนคุกหลังตำรวจคุมฝากขัง ดำเนินคดี 2 ข้อหา พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะญาติยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใช้หลักทรัพย์เงินสด 6 แสนบาท ศาลอนุญาตแต่ต้อง สวมกำไล EM และห้ามออกนอกราชอาณาจักร ด้าน ผบก.น.5 ระบุ ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติด ในตัวผู้ต้องหา รวมทั้งประวัติป่วยจิต ขณะที่เมียเศร้า พาลูกรับศพหนุ่มไรเดอร์ที่วัดคลองเตยใน โดยมีพ่อแม่หนุ่มหัวร้อนมากราบขอขมาศพ รับปากเยียวยาครอบครัวผู้ตายตามที่จะสามารถทำได้ รับขณะนี้ลูกชายกำลังช็อกและเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้นกรณีนายเสรี เศรษฐีนามวงศ์ หนุ่มหัวร้อนขับเก๋งเฉี่ยวชนนายฤทธิศักดิ์ ประคุปตานนท์ หนุ่มไรเดอร์ฟู้ดแพนด้า แต่ไม่ยอมลงมาเจรจาซ้ำพยายามขับรถหนี จนนายฤทธิศักดิ์ขี่ จยย.ตามไปดักหน้าพร้อมทุบกระจกด้านคนขับสร้างความเดือดดาลให้กับนายเสรี เปิดประตูลงมาชกจนคว่ำก่อนกระทืบซ้ำ นายฤทธิศักดิ์สู้ไม่ได้ขี่ จยย.หนีไปแค่ 100 เมตร คู่กรณีตามมาทันขับพุ่งชนจนร่างกระเด็นฟาดเสาเหล็กวงจรปิด กทม.อย่างแรงจนกระดูกหักตัวงอดับสยอง ส่วนนายเสรีถูกตำรวจ สน.ลุมพินี จับได้แต่ไม่ยอมให้การ เหตุเกิดที่หน้าโครงการก่อสร้างเท็นท์ อเวนิว ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อใกล้เที่ยงวันที่ 21 ม.ค. ตามที่เสนอข่าวไปนั้นความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 ม.ค.ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พร้อม พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรโณ ผกก.สน.ลุมพินี และพนักงานสอบสวน ร่วมกันประชุมและสรุปสำนวนคดี กรณีนายเสรี เศรษฐีนามวงศ์ ขับรถเก๋งไล่ชนรถ จยย.นายฤทธิศักดิ์ ประคุปตานนท์ หนุ่มไรเดอร์เสียชีวิต ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงพล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหานายเสรี 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น นายเสรีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ให้การใดๆชั้นพนักงานสอบสวนอ้างจะขอไปให้การในชั้นศาล วันนี้พนักงานสอบสวนจะฝากขังนายเสรีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง สำหรับพฤติการณ์ทางคดี เบื้องต้นสอบสวนทราบว่า ทั้งสองฝ่ายขับรถไล่กันมาก่อนตั้งแต่แยกอโศกมนตรีก่อนที่ทั้งคู่จะมาจอดทะเลาะวิวาทกันปากซอยสุขุมวิท 10 ตามที่ปรากฏในวงจรปิด โดยนายฤทธิศักดิ์ ผู้ตายขี่ จยย.มาจอดขวางรถผู้ต้องหาแล้วมีปากเสียงกัน จาก นั้นนายเสรีขับรถเฉี่ยวรถนายฤทธิศักดิ์ก่อน ผู้ตายจึงได้ทุบกระจกรถนายเสรีจนลงมาจากรถแล้วทำร้ายร่างกายนายฤทธิศักดิ์จนต้องขี่รถ จยย.หนี แต่ผู้ต้องหาได้ขับรถตามก่อนจะไปขับชนรถผู้เสียชีวิตผบก.น.5 กล่าวต่อว่า ในประเด็นที่ว่าผู้เสียชีวิตได้ยกมือไหว้ขอโทษผู้ต้องหานั้น ยังไม่มีการสอบรายละเอียดในประเด็นนี้เพราะผู้ต้องหาไม่ให้การใดๆ เพียงแต่ทราบว่าผู้เสียชีวิตพยายามออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว ผู้ก่อเหตุยังขับรถตามไป สำหรับลักษณะบุคลิกผู้ต้องหาพบว่ามีอารมณ์ค่อนข้างร้ายและรุนแรง รวมทั้งยังมีท่าทีนิ่งเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการตรวจสอบไม่พบประวัติการรักษาอาการป่วยทางจิตและไม่พบสารเสพติดกับปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ในส่วนของครอบครัวผู้ก่อเหตุเมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับภรรยาผู้ตายแล้ว คาดว่าหลังจากนี้อาจจะมีการพูดคุยเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา อย่างไรก็ตาม ตำรวจให้คำมั่นว่าจะดำเนินคดีทางอาญาอย่างเต็มที่กับผู้ต้องหา ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ พร้อมให้ความเป็นธรรมครอบครัวผู้ตาย ส่วนเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาเป็นคนละส่วน แต่ตำรวจยอมรับว่าวิตกกังวลในเรื่องของการใช้ชีวิตของครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังจากนี้ที่ต้องสูญเสียกำลังหลักของครอบครัวต่อมาเวลา 10.30 น. พนักงานสอบสวนควบคุมตัวนายเสรีไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ระหว่างการคุมตัวขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหา นายเสรีมีท่าทีเครียดปฏิเสธตอบคำถามสื่อ มีญาติตามไปส่งถึงที่ศาลฯด้วย ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้วญาตินายเสรีได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 600,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตพร้อมให้ติดกำไล EM โดยให้ทำสัญญาประกัน หากผิดสัญญาให้ปรับเป็นเงิน 600,000 บาท กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลด้วยในส่วนของนายฤทธิศักดิ์ ประคุปตานนท์ ไรเดอร์ผู้เสียชีวิต เมื่อเวลา 12.30 น. นางสายใจ ตามบุญ อายุ 40 ปี ภรรยาผู้ตาย พร้อมลูกสาวอีก 2 คน เดินทางมาที่ สน.ลุมพินี เพื่อติดต่อเอกสารขอรับศพ นางสายใจยังอยู่ในอาการโศกเศร้าก่อน เปิดเผยว่า จะไปรับศพสามีที่นิติเวช รพ.จุฬาฯ นำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดคลองเตยใน เบื้องต้นได้พูดคุยกับตำรวจ ญาติผู้ก่อเหตุบอกผ่านกับเจ้าหน้าที่ รับปากจะรับผิดชอบค่าจัดงานศพให้ ส่วนเรื่องเยียวยายังไม่ได้พูดคุย ช่วงเย็นวันนี้ญาติฝั่งผู้ก่อเหตุจะเข้ามาขอขมาศพสามีแทนนายเสรี ส่วนลูกๆ 4 คน ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงต่อไปต่อมาเวลา 17.25 น. ที่วัดคลองเตยในครอบครัวนายเสรี เศรษฐีนามวงศ์ พร้อมทนายความ เดินทางมากราบศพที่ศาลา ทันทีที่มารดานายเสรีมาถึงได้สวมกอด นางสายใจ ภรรยาผู้เสียชีวิตพร้อมกับร้องไห้ออกมาตลอดเวลา จากนั้นพ่อแม่ของนายเสรีได้กราบขอขมาศพ รวมทั้งไหว้พ่อผู้เสียชีวิต ก่อนเผยสั้นๆว่า ไม่มีใครเจตนาที่จะให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแต่เมื่อมันเกิดไปแล้ว ครอบครัวและลูกชายรู้สึกเสียใจอย่างมาก และจะรับผิดชอบโดยการเป็นเจ้าภาพตลอดการจัดงานสวดอภิธรรมศพ และจะเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตเต็มที่ตามที่จะสามารถทำได้ เพราะทราบว่าเขาคือเสาหลักของครอบครัว หลังจากที่ลูกชายได้รับการประกันตัว ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นลูกชาย ยังช็อกอยู่ รู้สึกท้อใจและเสียใจกับเหตุการณ์นี้ มากๆ หลังจากนี้จะกลับไปพูดคุยกับลูกชายให้ได้สติ ส่วนวันพรุ่งนี้ลูกชายจะมางานศพหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ทั้งนี้ ครอบครัวของนายเสรี ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะเดินทางกลับไป โดยให้เหตุผลว่ามีธุระที่จะต้องไปทำต่ออ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่