ชุดสืบสวนนครบาลจับมือชุด สืบสวน สตม. ตามล็อก นศ. ปริญญาเอกสาวชาวจีน และแฟน คาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังพบ กำลังรีบเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ พบความเชื่อมโยง แฟนเป็นคนโอนเงิน ค่าเช่าป้ายโฆษณามาให้ฝ่ายหญิง แต่ปากแข็งทั้งคู่ จึงผลักดัน นศ.สาวออกนอกประเทศ และนำตัวแฟนไปสอบสวน ตรวจสอบพบมีหมายจับคดีขายบัตรประจำตัวบุคคลที่ประเทศจีนติดตัว แถมยังให้การปฏิเสธเรื่องเป็นตัวการขึ้นป้ายโฆษณาขายสัญชาติ นำตัวเข้าห้องกักก่อนผลักดันกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามกลับเข้าไทยอีก แจงสาเหตุที่ดำเนินคดีเรื่องขึ้นป้ายขายสัญชาติไม่ได้ เพราะยังไม่มีผู้เสียหายหลงเชื่อเสียเงินซื้อ ส่วนกรณีขึ้นป้ายภาษาจีนรับแรงงานต่างด้าวใกล้นิคมอุตสาหกรรม โรจนะ อธิบดีกรมจัดหางานแจงเป็นบริษัทจัดหางาน มีตัวตนจริง เชิญบริษัทมากำชับหากจะโฆษณาต้องระบุชื่อบริษัทและเลขที่ใบอนุญาตในข้อความให้ชัดเจนกรณีมีผู้ขึ้นป้ายโฆษณาขนาดยักษ์เป็นภาษาจีน ประกาศขายสัญชาติพร้อมหนังสือเดินทางหลายประเทศ บริเวณกลางแยกห้วยขวาง แปลเป็นภาษาไทยว่า “ด่วน! ซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ รับทำพาสปอร์ตและสัญชาติถูกกฎหมาย 100% มีสัญชาติให้เลือกคือ พาสปอร์ตอินโดนีเซีย ราคา 30,000 หยวน/ วานูอาตู 70,000 หยวน/กัมพูชา 100,000 หยวน และตุรกี 150,000 หยวน” สร้างความตกตะลึงให้แก่ประชาชนถึงขนาดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจลงพื้นที่ สน.ห้วยขวาง สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.นำทีมตรวจสอบในเชิงลึก ต่อมาชุดสืบสวนนำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และพล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. นำตัว น.ส.นา ซู อายุ 35 ปี สัญชาติจีน นศ.ปริญญาเอกมหาวิทยาลัยในประเทศไทย มาสอบสวน เนื่องจากเป็นผู้ติดต่อจ่ายเงินค่าเช่าป้ายเดือนละ 150,000 บาทให้การอ้างว่ารับจ้างมาอีกทอด แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตเอาไว้ก่อนความคืบหน้าจาก บก.สส.บช.น. เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 24 ก.ค. หลังจาก บช.สตม.แจ้งข้อหา น.ส.นา ซู อายุ 35 ปี เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วปล่อยตัวไป ชุดสืบสวนนครบาลและ สตม.ยังเดินหน้าขยายผลสืบสวนหาข้อมูลเบื้องลึก เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มขบวนการต่อไป พบข้อมูลการโอนเงินค่าเช่าป้ายโฆษณาดังกล่าวมาให้ น.ส.นา ซู จากนายฉิน หลิน (Mr.QIN LIN) อายุ 33 ปี สัญชาติจีน นอกจากนี้ ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ติดต่อขอซื้อสัญชาติที่ป้ายโฆษณาพบสัญญาณหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวที่นายฉิน หลิน ถืออยู่ กับโทรศัพท์ของ น.ส.นา ซู อยู่คู่กันตลอดเวลา จึงเชื่อว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแต่ปกปิดเจ้าหน้าที่ ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการโฆษณาขายสัญชาติแน่นอน ไม่ใช่แค่ผู้รับจ้างเช่าป้ายโฆษณาตามที่ให้การเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังถูกนำตัวมาสอบสวนครั้งแรกต่อมาเวลา 10.20 น. จากการติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด พบว่า น.ส.นา ซู และนายฉิน หลิน กำลังจะเดินทางหนีออกนอกประเทศทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชุดสืบสวน บก.สส.สตม. และ บก.สส.บช.น.เดินทางไปตรวจสอบ พบทั้งคู่กำลังขนกระเป๋าเดินทางเพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เชิญตัวเข้าไปพูดคุยในห้องสอบสวน ตม. เบื้องต้นทั้งคู่ไม่สามารถปฏิเสธความเกี่ยวพันได้ แต่ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ใช่ตัวการขึ้นป้ายโฆษณาขายสัญชาติ ชุดสืบสวนตัดสินใจผลักดันให้ น.ส.นา ซู ขึ้นเครื่องบินเดินทางไปตามกำหนดการแล้วขึ้นแบล็กลิสต์ไว้ ส่วนนายฉิน หลิน ถูกเชิญตัวไปสอบสวนอย่างละเอียดที่ บก.สส.สตม.จากการสอบสวนนายฉิน หลิน ยังให้การปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน พบมีหมายจับคดีขายบัตรประจำตัวบุคคลติดอยู่ แต่ยังปากแข็งให้การปฏิเสธทุกเรื่องที่ถูกสอบสวน พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. ตัดสินใจนำตัวเข้าห้องกัก ใช้อำนาจของ ตม.แจ้งเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย สั่งเพิกถอนวีซ่า รอการผลักดันออกนอกประเทศกลับไปดำเนินคดีตามหมายจับที่สาธารณรัฐประชาชน จีน พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเดินทางเข้าประเทศไทยอีกส่วนคดีการขึ้นป้ายขายสัญชาติและหนังสือ เดินทางหลายประเทศในประเทศไทย เข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงหรือฉ้อโกงประชาชน แต่ปรากฏว่าจากการตรวจสอบยังไม่มีผู้ใดตกเป็นเหยื่อหรือผู้เสียหาย จึงยังไม่มีความผิด ไม่สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายของราชอาณาจักรไทยได้ ส่วนเป้าหมายของขบวนการขายสัญชาติแก๊งนี้ น่าจะเป็นพวกแก๊งจีนเทาที่ต้องการหนังสือเดินทางประเทศอื่น เพื่อสะดวกในการปกปิดตัวตนในการก่อเหตุในประเทศต่างๆทั่วโลกที่กระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรณีพบป้ายโฆษณาภาษาจีนรับจัดหาแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศบริเวณริมถนน 304 นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ตรวจสอบพบผู้ขึ้นป้ายเป็นบริษัทนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทยจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีผู้รับอนุญาตเป็นคนไทย ที่ทำการบริษัทอยู่ในเขตวังทองหลาง กทม. ตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ได้ห้ามการโฆษณารับจัดหาแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในประเทศ เชิญบริษัทมากำชับหากจะโฆษณาต้องระบุชื่อบริษัทและเลขที่ใบอนุญาตในข้อความให้ชัดเจน รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งต้องมีช่องทางติดต่อตรงกับข้อมูลที่แจ้งไว้กับกรมการจัดหางาน และต้องใช้ข้อความโฆษณาที่ไม่เกินจริงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่