คดีตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จับกุม นายบุญเที่ยง หรือธง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 50 ปี ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ขโมยถุงลูกชิ้นสดของแม่ค้าที่ตลาด เนื่องจากยากจนไม่มีอะไรให้ลูก 4 คนกิน!ตำรวจตามไปจับขณะป้อนข้าวลูกป่วยส่งเข้าเรือนจำ จะส่งสำนวนให้อัยการสำนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์สัปดาห์นี้คราวนี้ล่ะ เป็นโอกาสทองของทนายแผ่นดิน ใช้วิจารณญาณซับน้ำตาคนจนอีกครั้ง?หากความยุติธรรมมีอยู่จริง สำนวนอาจส่งต่อไปถึง นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดเคยเกริ่นไว้แล้วว่า อัยการไม่ได้มีอำนาจดำเนินคดีอาญาเท่านั้น อัยการไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ เพราะมีแว่นพระไพศรพณ์ (เทวดาของสถาบันอัยการ) ส่องดูความบกพร่องของสำนวน เพื่อกันคนดีไม่ให้เข้าคุกเบี่ยงความผิดพลาดออกจากกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ชะลอการฟ้องคดีอาญาโทษเล็กน้อยที่ฟ้องให้ติดคุกในเวลาสั้นๆ สังคมไม่ได้ประโยชน์อะไร?มาตรา 21 วรรค 2-3 พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการมีหลักว่า ถ้าอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยประเทศ หรือต่อผลประโยชน์ของประเทศ...ให้เสนอต่ออัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้องได้ ทั้งนี้ตามระเบียบ สนง.อสส.กำหนด และให้นำความวรรคสองมาใช้กับกรณีอัยการไม่ยื่นคำร้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ถอนฟ้อง ถอนอุทธรณ์...ตำรา “องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ” ของ ท่านสุริยา ปานแป้น ยกตัวอย่างคดี อสส.สั่งไม่ฟ้องมาแล้วว่า ตามระเบียบ อสส.ข้อ 6 การพิจารณาว่าเป็นคดีไม่เป็นประโยชน์สาธารณะหรือไม่ ให้ดูสาเหตุ อายุ ประวัติครอบครัว ความร้ายแรงของการกระทำ ความสำนึกของผู้ต้องหา ความสงบเรียบร้อย และ “ประโยชน์ของรัฐที่ได้จากการฟ้อง”เคยมีคดีคนเร่ร่อน 2 คนยากจนไม่มีที่อาศัย ไปทำเพิงนอนถูกจับให้รื้อไม่มีบ้านอยู่ เทศบาลไม่เอาเรื่อง อสส.สมัยนั้นเห็นว่า ผู้ต้องหาเดือดร้อนมากพอแล้ว ฟ้องไปไม่ก่อประโยชน์สั่งไม่ฟ้องอำนาจตามมาตรานี้เป็นของอัยการสูงสุดเท่านั้น จะมอบให้อัยการอื่นสั่งไม่ได้มาดูกันว่าท่าน อสส.จะตัดสินใจคดีขโมยลูกชิ้นยังไง?!สหบาท