คุกบางขวางแยกขังเดี่ยว “แป้ง นาโหนด” หลังตำรวจเมืองคอนรีดสอบปากคำเกือบทั้งคืนยันตีสี่ แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธไม่ยอมเปิดปากให้รายละเอียดใดๆในชั้นสอบสวน รุ่งเช้าพนักงานสอบสวนหิ้วไปยื่นฝากขังศาลทันที ท่ามกลางกองกำลังคุ้มกันเข้ม ขณะที่เจ้าตัวมีสีหน้ายิ้มแย้มไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าว ก่อนถูกนำขึ้นเครื่องบินตำรวจไปคุมขังเรือนจำที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง ด้าน รมว.ยุติธรรมยันเจ้าหน้าที่ปฏิบัติเหมือนนักโทษคนอื่นๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องถูกฆ่าตัดตอนเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณีนายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ “แป้ง นาโหนด” นักโทษหลบหนี จากการควบคุมของผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ระหว่างรักษาตัวอยู่ใน รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช กระทั่งเผ่นออกนอกประเทศและถูกตำรวจอินโดนีเซียจับกุมส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ก่อนนำขึ้นเครื่องบินเจ็ตเหมาลำมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช เย็นวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนพาไปสอบสวนที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ข้อหาหลบหนีการจับกุม พร้อมถูกอายัดตัวดำเนินคดีอีก 3 หมายจับ ทั้งนี้หลังดำเนินคดีเสร็จ “แป้ง นาโหนด” จะถูกส่งไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี ที่มีความมั่นคงสูง เพื่อป้องกันการแหกคุกซ้ำภายหลัง “แป้ง นาโหนด” ถูกตำรวจสอบเครียดเกือบทั้งคืน ช่วงเช้าวันที่ 5 มิ.ย. พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และพนักงานสอบสวนคุมตัวนายเชาวลิต ที่อยู่ในชุดสวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ หมวกสีขาว มีผ้าปิดบังใบหน้ามิดชิด สภาพ “แป้ง นาโหนด” ยิ้มแย้มแจ่มใสหันมาพูดกับผู้สื่อข่าวที่เฝ้ารออยู่จำนวนมาก แต่ถูกตำรวจกันตัวออกไปขึ้นรถตู้ของชุดราชเดชตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช มีกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบ พร้อมอาวุธปืนครบมือนำตัวนายเชาวลิตเดินทางไปฝากขังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวนายเชาวลิต ขึ้นรถคุมขังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มีประตูล็อก 2 ชั้นอย่างแน่นหนาพร้อมเปลี่ยนเป็นชุดผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ เสื้อยืดคอปกสีส้ม กางเกงขาสั้นสีดำ มีเสื้อเกราะสวมทับนอกอีกชั้น ก่อนนำตัวไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช ทันที มีชุดคอมมานโดราชทัณฑ์และตำรวจชุดต่างๆคุ้มกันไปตลอดเส้นทางไปยังอาคารสนามบินหลังเก่า ก่อนนำตัว “แป้ง นาโหนด” ไปขึ้นเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลา 09.30 น.ไปยังสนามบิน บน.3 กทม. เพื่อส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี มีกำลังชุดหนุมานกองปราบฯคุ้มกันอย่างแน่นหนาตลอดเส้นทางพล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เมื่อคืนตำรวจสอบปากคำนายเชาวลิตเสร็จสิ้นในเวลา 04.00 น. วันที่ 5มิ.ย. รวม 9 ชม.เศษ ตลอดระยะเวลาของการสอบสวนผู้ต้องหามีทนายความ 2 คน เข้าร่วมรับฟัง นายเชาวลิตให้การปฏิเสธทุกข้อหา และไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน ถือว่าเป็นไปตามสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้ ตำรวจไม่มีความจำเป็นที่ต้องควบคุมตัวไว้สอบสวนต่อ หากมีประเด็นต้องสอบปากคำเพิ่มเติมก็จะดำเนินการภายใต้การควบคุมของกรมราชทัณฑ์ที่ บก.ป. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. จัดกำลังสายตรวจ 2 นาย พร้อมรถสายตรวจ 1 คัน และชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” 4 นายมุ่งหน้าไปที่ท่าอากาศยานตำรวจ บน.3 ดอนเมือง ไปคุมตัว “แป้ง นาโหนด” กระทั่งนายเชาวลิต เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่นำรถตู้กรมราชทัณฑ์ไปรอรับตัวมีรถตำรวจกองปราบฯนำขบวนออกจากสนามบิน บน.3 ในเวลา 11.50 น. มุ่งหน้าไปเรือนจำกลางบางขวาง ถนนนนทบุรี 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่คุมตัวเข้าไปยังเรือนจำ ผู้สื่อข่าวถามนายเชาวลิตว่า มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่ “แป้ง นาโหนด” ไม่ตอบคำถาม ก่อนถูกเจ้าหน้าที่พาเข้าไปด้านในทันทีนพ.สมภพ สังคุตแก้ว ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า หลังรับตัว “แป้ง นาโหนด” มาแล้วจะดำเนินการตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ของการรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ ขั้นตอนแรกจะตรวจร่างกาย ตรวจโรค และซักประวัติ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการกักโรค ใช้เวลา 10 วัน ส่วนจะขังไว้แดนไหนนั้นต้องรอให้การกักโรคครบตามกำหนดก่อน แต่จะต้องแยกขัง เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ ส่วนที่กังวลจะถูกลอบสังหารนั้น กรมราชทัณฑ์มีมาตรการแยกคุมขังและเฝ้าระวังเป็นพิเศษหรืออาจจะถูกผู้คุมขังด้วยกันทำร้ายหรือทำร้ายตัวเอง เรือนจำมีคนเฝ้าระวัง รวมถึงกล้องวงจรปิดคอยดูพฤติกรรม เมื่อถามว่ากังวลเกี่ยวกับการหลบหนีอีกหรือไม่นั้น การหลบหนีมี 2 เรื่องคือหลบหนีจากภายนอกกับหลบหนีจากภายใน กรณี “แป้ง นาโหนด” เป็นการหลบหนีจากโรงพยาบาลขณะนำตัวไปรักษา เรือนจำกลางบางขวาง เป็นเรือนจำมีความมั่นคงและปลอดภัยสูงที่กระทรวงยุติธรรม เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมคณะร่วมกันต้อนรับผู้แทนอย่างเป็นทางการของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย นำโดย พ.ต.อ.ออดี้ ซอนนี่ ลาตูเฮรู หัวหน้าแผนกอาชญากรรมระหว่างประเทศ ตำรวจสากลอินโดนีเซีย พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียมอบหมายให้ พ.ต.อ.ออดี้มาหารือ หลังทำหน้าที่เสร็จสิ้นเรื่องการส่งตัวนายเชาวลิต หรือแป้ง นาโหนด กลับมาดำเนินคดีในไทย สาเหตุที่นายเชาวลิตต้องย้ายมาคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง เนื่องจากมีคดีใหม่คือกรณีหลบหนีออกจากสถานคุมขัง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 22 ต.ค.66 จึงมีโทษในความผิดนั้น จากนี้หากใครจะสอบสวนนายเชาวลิตก็มาสอบปากคำ หรือขออายัดตัวได้ที่เรือนจำกลางบางขวาง พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า สำหรับการคุมขังนายเชาวลิต นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผบ.เรือนจำกลางบางขวางจะเป็นผู้ดูแล และเตรียมมาตรการไว้แล้ว เหตุที่คุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง เพราะเคยก่อเหตุหลบหนีมาก่อน และเรือนจำกลางบางขวางก่อตั้งมานานเป็นเรือนจำของนักโทษเด็ดขาด ส่วนที่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวหลบหนีออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ได้อย่างไรนั้นก็เป็นส่วนที่ต้องไปสอบสวนต่อไป เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำก็ต้องอยู่เหมือนนักโทษคนอื่น ไม่มีการกลั่นแกล้ง รับประทานอาหารครบ 3 มื้อ ได้รับพัฒนาพฤตินิสัย การศึกษา และการเยี่ยมญาติ ส่วนเรื่องความกังวลกรณีการฆ่าตัดตอน ยืนยันว่าเรือนจำมีการดูแลแน่นอน เพราะเรือนจำต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด ส่วนที่ต้องย้ายนายเชาวลิตมาคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง เพื่อความไม่ประมาท ป้องกันไม่ให้เกิดการทำผิดซ้ำสองเมื่อถามว่าสังคมตั้งข้อสังเกตว่าการนำนายเชาวลิต กลับไทยอย่างหรูหรามีนัยอะไรหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางอินโดนีเซียเป็นผู้ดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้เราเคยส่งตัวผู้ร้ายให้กับเขาเช่นกัน ส่วนภาพที่เกิดขึ้นมันเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผู้กระทำความผิดต้องได้รับการลงโทษ ดังนั้นอินโดนีเซียจะไม่ให้มีการปะปนมากับบุคคลอื่น แม้แต่ตำรวจไทยก็ยังไม่ให้ขึ้นเครื่องมาด้วย ถือว่าเขาได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าจะมีการตั้งข้อสงสัยเราก็ต้องชี้แจงว่ามันเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลขณะที่ พ.ต.อ.ออดี้ ซอนนี่ ลาตูเฮรู หัวหน้าแผนกอาชญากรรมระหว่างประเทศ ตำรวจสากลอินโดนีเซีย กล่าวว่า การติดตามจับกุมนายเชาวลิต ตำรวจอินโดนีเซียใช้ทรัพยากรในการติดตามสืบสวนสอบสวนจนได้ข้อมูล เริ่มตั้งแต่เมืองเมดานไปจนถึงเกาะบาหลี อินโดนีเซีย มีความยินดีอย่างยิ่งในการช่วยเหลือทางการไทย เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยและให้ความร่วมมือมาโดยตลอด ส่วนกรณีที่ทราบได้อย่างไรว่านายเชาวลิตหลบหนีเข้าประเทศอินโดนีเซียนั้น หลังจากพบข้อมูลว่านายเชาวลิตเดินทางเข้าประเทศอินโดนีเซียก็ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากชาวอาเจะห์ จากนั้นเริ่มต้นกระบวนการสอบสวน ตามจากผู้ที่ช่วยพาเข้าอินโดนีเซีย และผู้ที่ช่วยปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน ก่อนแจ้งข้อมูลให้กับตำรวจติดตามจับกุมจนสำเร็จด้าน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรณีนายเชาวลิตมีความจำเป็นจะต้องขังเดี่ยว เพราะไม่อยากให้ไปปะปนกับผู้ต้องขังอื่นและเป็นความปลอดภัยของตัวเขาเองด้วย เนื่องจากในแดนขังต่างๆอาจจะมีโจทก์ของเขาอยู่ด้วยก็ได้ส่วน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการการสอบปากคำนายเชาวลิต และการแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด ตำรวจส่งตัว “แป้ง นาโหนด” ให้กรมราชทัณฑ์ไปแล้วแต่ถ้าหากพนักงานสอบสวนมีประเด็นใดที่สงสัยหรือต้องการจะสอบเพิ่มเติมก็จะประสานกับกรมราชทัณฑ์เพื่อเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมในเรือนจำอีกครั้ง ส่วนเรื่องของการขยายผลเครือข่ายยาเสพติดของแป้งนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้บูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมการค้นหาเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงผู้ที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนแป้งต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่