พี่ชายเหยื่อคมมีดยันยังไม่รับศพน้องชายออกจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพราะครอบครัวจะรอให้จับคนร้ายได้ก่อน มั่นใจได้ตัวแน่เร็วๆนี้ เชื่อวิญญาณเฮี้ยนตามติดฆาตกรตลอดเวลา ด้านสาวห้องข้างล่างบอกฝันเห็นผู้ตายมาเล่าเหตุการณ์ตอนโดนแทงให้ฟัง คาดต้องการสื่อสารว่าศพโดนหมกอยู่ในห้องชั้นบน ด้านชุดสืบสวนบุกเมืองพัทยา หลังได้เบาะแสมือแทงหลบไปเดินเล่นชายหาด ปิดล้อมโรงแรมที่พัก คลาดฉิวเฉียดคนร้ายเช็กเอาต์ออกไปแล้วตำรวจยังคงไล่ล่าคนร้ายเป็นชายอายุราว 30 ปี สวมแว่นตาดำ สวมเสื้อมีฮูดคลุมศีรษะ และใช้แมสก์คาดปิดบังใบหน้าตลอดเวลา หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยใช้มีดแทงนายไพศาล ทองอ่อน อายุ 54 ปี พ่อค้าออนไลน์ หมกศพขึ้นอืดไว้ในห้องพักเลขที่ 107/129 ชั้น 6 ไอ คอนโด ใกล้กระทรวงสาธารณสุข ซอยงามวงศ์วาน 6 แยก 21 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี นานกว่า 5 วัน ก่อนลูกบ้านทนกลิ่นเหม็นเน่าไม่ไหวแจ้งนิติบุคคลเปิดห้องตรวจสอบเมื่อวันที่ 26 พ.ค. ขณะที่คนร้ายหลบหนีไปพร้อมทรัพย์สิน ก่อนนำโทรศัพท์ไอโฟน 2 เครื่องของเหยื่อไปขาย และยังนำบัตรเครดิตของผู้ตายไปรูดซื้อทอง 8 แสนบาท รวมทั้งยังเปิดห้องโรงแรมหรูนอนพัก 2 คืน จากนั้นหลบหนีไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าติดตาม ปรากฏว่าคนร้ายหลบหนีต่อคาดอาจเผ่นออกไปฝั่งกัมพูชาความคืบหน้าของคดีเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้ไล่ไทม์ไลน์ของคนร้าย หลังเกิดเหตุคนร้ายได้นำบัตรเครดิตผู้ตายไปรูดจ่ายเข้าพักโรงแรมเซ็นทารา ย่านลาดพร้าว 2 คืน ต่อมาคนร้ายเข้าไปซื้อทองคำแท่ง รอบแรก วันที่ 25 พ.ค. เวลา 17.35 น. คนร้ายซื้อทองคำแท่งน้ำหนัก 25 บาท จ่ายเงินโดยการโอนเงินจากบัญชีของผู้ตาย จากโทรศัพท์ไอโฟน XR สีแดง จำนวน 3 ครั้ง รวม 1 ล้านบาทเศษ รอบสองวันที่ 26 พ.ค.67 เวลา 19.39 น. คนร้ายซื้อทองคำแท่ง 3 บาท ราคา 100,000 บาทเศษ จากร้านทองร้านเดิม ใช้บัตรเครดิตคนตายรูดจ่ายค่าทอง ทั้ง 2 วันคนร้ายยังสวมเสื้อคลุมสีดำแบบมีฮูดตลอดเวลาต่อมาวันที่ 27 พ.ค. เวลา 12.30 น. คนร้ายนำโทรศัพท์ไอโฟน 14 พลัส 1 เครื่อง ราคา 17,000 บาท และไอโฟน XR สีแดง 1 เครื่อง ราคา 3,000 บาท รวม 20,000 บาท ไปขายที่ห้างมาบุญครอง ครั้งนี้คนร้ายเปลี่ยนเสื้อคลุมแบบมีฮูดจากสีดำเป็นสีน้ำตาล หลังคนร้ายขายมือถือแล้วได้หลบหนีไป ชุดสืบสวนติดตามหาเบาะแสกระทั่งทราบว่าคนร้ายนั่งรถไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รีบประสานตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ลงพื้นที่หาข่าวพบว่าเวลา 21.22 น. วันที่ 27 พ.ค. กล้องวงจรปิดชายหาดเมืองพัทยา จับภาพผู้ต้องสงสัยสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำตาล มีฮูดคลุมศีรษะ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ เดินลากกระเป๋าเดินทาง หิ้วถุงกระดาษสีน้ำตาล อยู่บนทางเดินเท้าถนนเลียบชายหาด ระหว่างซอย 10 กับ 11 ก่อนจะเข้าไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอย 11 ชายหาดพัทยาจากนั้นช่วงค่ำวันที่ 28 พ.ค. ตำรวจไปปิดล้อมโรงแรมที่คาดว่าผู้ต้องสงสัยเข้าไปพัก ปรากฏว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้เช็กเอาต์ออกไปตั้งแต่เวลา 12.00 น.วันเดียวกัน ชุดสืบสวนยังแกะรอยข้อมูลวงจรปิดติดตามไล่ล่าจับกุมผู้ก่อเหตุอย่างกระชั้นชิด เชื่อว่ายังหลบอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ขณะเดียวกันได้ประสานด่านพรมแดน จ.สระแก้ว และ จ.ตราด ให้ตรวจสอบเพราะเกรงผู้ต้องสงสัยอาจหลบหนีข้ามชายแดนไปฝั่งประเทศกัมพูชาที่ สภ.เมืองนนทบุรี เวลา 13.00 น. นายประสงค์ ทาตทา อายุ 68 ปี คนขับรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ทะเบียน มฎ 8447 กรุงเทพมหานคร เข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ต.ฐิติปกรณ์ คุ้มปานอินทร์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ยืนยันว่ารับคนร้ายจากหน้าห้างย่านรัชโยธิน ไปส่งหน้าห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เห็นคนร้ายเดินข้ามสะพานลอยมาพบนายไพศาลผู้ตาย ที่จอดรถเก๋งรออยู่ริมถนนงามวงศ์วาน ตรงข้ามห้างดังกล่าว ก่อนที่คนร้ายจะขึ้นรถผู้ตายขับออกไปเวลา 13.30 น. นายฉัตรชัย ทองอ่อน อายุ 55 ปี พี่ชายของนายไพศาล ผู้เสียชีวิต เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังเสร็จจากให้ปากคำได้เดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีที่ยังไม่ไปรับร่างน้องชายออกจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.ปทุมธานี มาทำพิธีทางศาสนาเพราะเหตุใด นายฉัตรชัยกล่าวว่า ครอบครัวรอให้ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายให้ได้ก่อน เชื่อมั่นว่าไม่กี่วันนี้ตำรวจน่าจะจับกุมตัวได้ คิดว่าวิญญาณน้องยังติดตามคนร้ายตลอดเวลาเพราะมีคนเห็น ครอบครัวทำบุญตลอด มั่นใจว่าน้องชายต้องดลจิตดลใจให้จับคนร้ายได้เวลา 14.30 น. น.ส.ไอซ์ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี เจ้าของห้องพักชั้น 5 คอนโดที่เกิดเหตุ เข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับ พ.ต.ต.ฐิติปกรณ์ คุ้มปานอินทร์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ว่าวันที่ 20 พ.ค. เวลา 23.30 น. ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันมาจากชั้นบน เสียงพูดว่า “เฮ้ย ทำไมอ่ะ” แล้วมีเสียงคล้ายคนผลักกันไปมา สักพักมีเสียงเก้าอี้เสียงของตกตามมา ทีแรกไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าเป็นเสียงคนทะเลาะกันปกติ ก่อนจะได้ยินเสียงคนร้องว่า “กูโดนแล้ว ช่วยด้วย” จากนั้นมีเสียงเหมือนคนกระทืบเท้ากับพื้นตามมาหลายครั้ง เสียงดังมากจนคิดในใจว่าถ้าทะเลาะกันขนาดนี้คงตายแล้ว กระทั่งได้ยินเสียงร้อง “ช่วยด้วย” แบบไม่เต็มคำ ตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายบันทึกเสียงเพื่อแจ้งนิติฯคอนโด แต่เสียงเงียบไป ตอนนั้นเป็นเวลา 23.37 น.น.ส.ไอซ์เล่าต่อว่า คืนก่อนวันพบศพจู่ๆรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อพับแขนซ้ายเหมือนถูกกรีด และยังฝันว่าผู้ตายมาขออาหารกิน ในฝันผู้ตายเล่าให้ฟังว่าขณะนั่งกินข้าวกับคนร้ายอยู่ในห้องได้มีปากเสียงกัน คนร้ายชักมีดแทงเข้าที่ท้อง จากนั้นตนสะดุ้งตื่น และช่วงอยู่ในห้องพักคอนโดตอนกลางวันตนยังได้กลิ่นเหม็นเน่า ด้วยประสบการณ์เคยทำกู้ภัยมั่นใจว่าน่าจะมีศพคนตายอยู่ในคอนโด ได้ไลน์ไปบอกแฟนหนุ่มว่ากลิ่นเน่าเหม็นแบบนี้ต้องเป็นกลิ่นศพคนแน่นอน แจ้งนิติฯไปและนิติฯส่งช่างมาดูคิดว่ามีหนูไปตายในท่อระบายน้ำ แต่หาไม่พบ กระทั่งต่อมาพบศพในห้องชั้นบนจริงๆ เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน เพราะวิญญาณผู้ตายคงต้องการสื่อสารให้ช่วยแจ้งว่าถูกฆ่าหมกศพอยู่ในห้องด้านบนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่