เค้นสอบหนุ่มเบลเยียมฆ่าเผานั่งยางเพื่อนร่วมชาติ อ้างปมแค้นสะสมถูกผู้ตายตามรังควาน รีดไถเงินมานาน ล่าสุดจะเอาเงิน ถึง 8.5 แสนบาท พอไม่ให้ก็ข่มขู่คุกคามจะทำร้ายคนในครอบครัวแถมจะเผาบ้าน ฉุนฟิวส์ขาดคว้าปืนรัวกระหน่ำ 3 นัดซ้อนปลิดชีพ ก่อนลากศพไปทิ้งหลุมดินข้างบ้าน เอายางรถยนต์ 2 เส้นกับเศษไม้กองสุมจุดไฟเผาทำลายศพจนเหลือแต่เถ้ากระดูก หลังก่อเหตุเอารถ จยย.ผู้ตายขึ้นท้ายรถกระบะจะเอาไปทิ้งสระน้ำข้ามจังหวัด โชคไม่เข้าข้างดันไปเจอตำรวจสายสืบมาดักซุ่มจับรถขนยาอยู่พอดี พบพิรุธเข้ามาสอบถามเลยตกใจขับรถเผ่นหนี แต่ไม่รอดถูกสกัดจับกุมได้ก่อนยอมเปิดปากสารภาพหมดเปลือกคดีฆาตกรรมอำมหิต หนุ่มเบลเยียมฆ่าเผานั่งยางเพื่อนร่วมชาติรายนี้ เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 พ.ค. ร.ต.อ.ทินกร ดวงแสงจันทร์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เซกา จ.บึงกาฬ นำตัวนายสตีฟ โรซินญง อายุ 42 ปี ชาวเบลเยียม อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 9 ต.ซาง อ.เซกา จ.บึงกาฬ ผู้ต้องหาฆ่าเผานั่งยางนายคริสตอฟ เอร์โก อายุ 49 ปี เพื่อนร่วมชาติชาวเบลเยียม ออกจากห้องขังบนโรงพักมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเชิญภรรยาชาวไทยและทนายความมาร่วมในการสอบสวนด้วยทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 พ.ค. ชุดสืบสวน กก.1 บก.สส.ภ.4 ควบคุมตัวนายสตีฟ โรซินญง มามอบให้ ร.ต.อ.ทินกร ดวงแสงจันทร์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เซกา หลังถูกจับกุมได้ที่ จ.นครพนม เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุใช้ปืน .22 จ่อยิงนายคริสตอฟ เอร์โก เพื่อนร่วมชาติ เสียชีวิตบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 10 ต.เซกาใต้ อ.เซกา ลากศพไปทิ้งหลุมดินใกล้บ้านแล้วนำยางรถยนต์ 2 เส้นไปเผาทำลายศพ หลังทราบข้อมูลรายงานให้ พ.ต.อ.พิชิต คงพิทักษ์ ผกก.สภ.เซกา พ.ต.ท.ประภาส ทองคำภา รอง ผกก. (สอบสวน) พ.ต.ท.อดุลย์ ฉิมทัพ รอง ผกก.สส. นำกำลังตำรวจประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานบึงกาฬ พญ.พัณณิตา จันทรพัชร แพทย์เวร รพ.เซกา และสมาคมกู้ภัยเทพารักษ์เซกา ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่เผาทำลายศพเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่เกิดเหตุเป็นอาคารปูนชั้นเดียวอยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่บริเวณริมอ่างเก็บน้ำห้วยกะซะ บริเวณลานดินห่างจากตัวบ้านประมาณ 50 เมตร พบหลุมขนาดใหญ่มีร่องรอยการเผาไหม้ เศษซากยางรถยนต์ปะปนกับเศษไม้ เศษกระดูกมนุษย์จำนวนมากถูกเผาไหม้เป็นเก้าถ่านกองอยู่ในหลุม เจ้าหน้าที่ต้องใช้จอบตักเศษกระดูกมนุษย์มาร่อนออกเพื่อหาหลักฐานและรวบรวมกระดูกที่ยังไหม้ไม่หมดเพื่อนำส่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลตามขั้นตอนเพื่อยืนยันว่าเป็นศพนายคริสตอฟ หลังจากตำรวจให้ผู้ต้องหาพาชี้จุดแล้วได้ตรวจยึดปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนพก .22 จำนวน 1 กระบอก ซองกระสุน 1 ซอง กระสุนปืน 6 นัด และปลอกกระสุน 3 ปลอก เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานสอบสวนนายสตีฟ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนกับผู้ตายเป็นเพื่อนกัน มีภรรยาเป็นคนไทยเหมือนกัน ที่ผ่านมาผู้ตายมักจะมาขอเงินใช้เป็นประจำวันเกิดเหตุช่วงใกล้ค่ำวันที่ 24 พ.ค. ตนอยู่ที่อาคารกำลังก่อสร้างจะเปิดเป็นคาเฟ่และอู่ซ่อมรถ ผู้ตายขี่รถ จยย.มาขอเงินอีก แต่ตนปฏิเสธ ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ พูดจาข่มขู่ว่าจะทำร้ายครอบครัวและจะเผาบ้าน ด้วยความโมโหเลยคว้าปืนออกมาจ่อยิงใส่ผู้ตาย 3 นัดซ้อนจนล้มทรุดเสียชีวิตคาที่ จากนั้นลากศพออกไปโยนลงหลุมดินใช้ยางรถยนต์ 2 เส้นพร้อมเศษไม้อื่นๆมาสุมแล้วจุดไฟเผาทำลายศพหนุ่มเบลเยียมผู้ต้องหาฆ่าเพื่อนเผยต่อไปว่า จากนั้นนำรถ จยย.ของผู้ตายใส่ท้ายรถกระบะ ใช้ผ้าใบสีฟ้าปิดคลุมมิดชิด ขับออกจากบ้านจะนำไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานที่สระน้ำริมถนนสาย 212 บ้านโนนสมบูรณ์ หมู่ 9 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ปรากฏว่ามีตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 ที่มาซุ่มดักจับรถขนยาเสพติดพอดี เห็นผิดสังเกตพบพิรุธเดินเข้ามาสอบถาม ทำให้ตกใจรีบขับรถเผ่นหนี แต่สุดท้ายไม่รอดถูกติดตามไล่ล่าสกัดจับได้ที่ อ.นาทม จ.นครพนม ตำรวจเค้นสอบสวนจนยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุฆ่าเผาเพื่อนร่วมชาติในพื้นที่ จ.บึงกาฬ แล้วจะนำรถ จยย.มาทิ้งทำลายหลักฐาน จึงถูกนำตัวส่งไปสอบสวนดำเนินคดีที่ สภ.เซกา พื้นที่เกิดเหตุภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 3 ชม.ครึ่งพนักงานสอบสวนตั้งข้อหานายสตีฟ ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 3 ชม. ญาติไม่ประสงค์ประกันตัว นำผู้ต้องหากลับเข้าห้องขังตามเดิมและจะนำตัวส่งฝากขังในวันที่ 27 พ.ค.น.ส.ศิวารัตน์ ทองแดง ญาติภรรยาของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า นายสตีฟมีอาชีพเป็นช่างก่อสร้าง เป็นคนจิตใจดีมาก แต่พอมาเจอเรื่องคุกคามรีดไถจากเพื่อนร่วมชาติด้วยกันก็เครียดมากเพราะเป็นห่วงครอบครัวที่มีเด็กๆด้วย ที่ผ่านมาเคยได้ยินเรื่องผู้ตายมาขอยืมเงินจากผู้ก่อเหตุตลอด หลังๆมายืมไม่ได้ก็ข่มขู่หลายครั้ง เคยแจ้งผู้ใหญ่บ้านไว้เพราะกลัวว่าผู้ตายจะมาทำร้าย ทราบว่าทั้งคู่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ผู้ตายยังมาข่มขู่รีดไถเงินเป็นประจำและมาก่อกวนถึงขั้นที่ลูกๆของนายสตีฟไม่ได้ไปโรงเรียน ตนรู้สึกเห็นใจมากด้านนายนฤมิตร จำปาทอง ทนายความ เปิดเผย ภายหลังการสอบปากคำว่า นายสตีฟลูกความก่อเหตุเพียงคนเดียว สาเหตุจากผู้ตายส่งข้อความมาคุกคามรีดไถเงินและข่มขู่ให้นายสตีฟหาเงินมาให้ 850,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยและขอทำวีซ่าอยู่ต่อในประเทศไทย แต่นายสตีฟตอบกลับไปว่าไม่ให้เพราะมีความจำเป็นต้องดูแลครอบครัว ก่อนหน้านี้นายสตีฟมาแจ้งความร้องเรียนพฤติกรรมของผู้ตายที่ สภ.เซกา หลายครั้ง รวมถึงไปร้องทุกข์ที่ ตม.บึงกาฬ ตำรวจ ตม.นัดจะลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 25 พ.ค. แต่มาเกิดเหตุก่อน ที่ผ่านมานายสตีฟก็ช่วยเหลือมาตลอด ผู้ตายไม่มีงานไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งก็ว่าจ้างให้มาช่วยงานที่โกดังที่เตรียมจะเปิดเป็นคาเฟ่กับอู่ซ่อมรถ บ้านอยู่ห่างกัน 6-7 กม. ส่วนคดีเบื้องต้นพนักงานสอบสวนตั้ง 3 ข้อหา ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซ่อนเร้นอำพรางศพ และฆ่าคนตายโดยเจตนา นายสตีฟก็รับสารภาพ แต่ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนานั้นทำไปเพราะเป็นเหตุจากการป้องกันตัวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่