รถไฟฟ้าสีเหลืองขัดข้องระหว่างสถานีหัวหมาก มุ่งหน้าสถานีกลันตัน ผู้โดยสารตกค้างแน่นทุกสถานี เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขอุปกรณ์ขายึด เมื่อเวลา 07.15 น. วันที่ 22 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ซึ่งอยู่ระหว่างทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ตลอดสาย 23 สถานี เกิดขัดข้องทำให้มีผู้โดยสารตกค้างตามสถานีเป็นจำนวนมาก โดยบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทาน โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง ได้แจ้งปรับรูปแบบการเดินรถ โดยจัดรถไฟฟ้าให้บริการจากสถานีลาดพร้าวถึงสถานีปลายทางสำโรง สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปสถานีปลายทางลาดพร้าว และสถานีปลายทางสำโรง ให้เปลี่ยนขบวนรถที่สถานีศรีกรีฑา สถานีกลันตัน และสถานีศรีเอี่ยม ซึ่งสถานีหัวหมากใช้ชานชาลาฝั่งเดียวในการให้บริการ ควรเผื่อเวลาการเดินทาง ขออภัยในความไม่สะดวกรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการแก้ปัญหารถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลืองขัดข้องในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งแก้ไขตัวอุปกรณ์ ซึ่งเป็นขายึด Conductor rail (Insulator) ที่เกิดการชำรุดระหว่างสถานีหัวหมาก (YL11) ไปสถานีกลันตัน (YL12) ฝั่งขาล่อง โดยศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้าได้ปรับแผนการเดินรถสำรอง จึงมีความจำเป็นต้องปิดช่วงสถานีลาดพร้าว 101 ถึงสถานีหัวหมาก และสถานีกลันตันถึงสถานีศรีเอี่ยม และมีขบวนรถไฟฟ้าให้บริการทุก 15 นาที โดยมีรายงานว่า รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสามารถเปิดให้บริการตามปกติเมื่อเวลา 10.00 น.ด้านนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวถึงกรณีรถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง ขัดข้อง ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) และยังไม่ได้เก็บค่าโดยสารแต่อย่างใด ซึ่งระหว่างการทดลองเดินรถอาจเกิดการขัดข้องขึ้นได้ เหมือนกับรถไฟฟ้าสายต่างๆที่เปิดให้บริการปัจจุบัน ระหว่างการทดลองเดินรถก็เคยเกิดปัญหาขัดข้องเช่นกัน เมื่อเกิดเหตุก็ให้ทางเอกชนตรวจสอบหาสาเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมกับให้ดำเนินการแก้ไข เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ กรณีที่มีการเก็บค่าโดยสารแล้วและยังเกิดปัญหาขัดข้อง ซึ่งกระทบต่อผู้โดยสารที่ใช้บริการ จู่ๆ รฟม.จะลงโทษเลยทันทีไม่ได้ ต้องดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้โดยตรวจสอบการขัดข้องเกิดจากเหตุใด เกิดบ่อยมากน้อยแค่ไหน ต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไข อย่างไร อย่างไรก็ตาม หากมีการแก้ไขปรับปรุงแล้วยังเกิดปัญหาซ้ำๆขึ้นอีก คราวนี้ รฟม.ก็คงต้องมีการพิจารณาเรื่องความรับผิดชอบจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งตัวผู้โดยสารและระบบรถไฟฟ้าซึ่งมีการกำหนดไว้ในสัญญาสัมปทาน.