แม้ว่าสัตว์เลื้อยคลานจำนวนมากจะฟื้นตัวหลังการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ยุคเพอร์เมียน–ไทรแอสสิก (Permian–Triassic) เมื่อ 252 ล้านปีก่อน ที่กวาดล้างพืชและสัตว์หลายชนิดบนโลกใบนี้ โดยฆ่า 70% ของสายพันธุ์บนบก และ 95% ของสายพันธุ์ในทะเล แต่รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นยังมืดมน นักวิจัยใช้เวลาหลายสิบปีที่จะถมช่องว่างความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับตัวหลักๆที่ทำให้สัตว์เลื้อยคลานเจริญเติบโตหลังการสูญพันธุ์ดังกล่าว ซึ่งผลจากการปรับตัวนั้นอาจเปิดเผยเกี่ยวกับระบบนิเวศที่พวกมันอาศัยอยู่เมื่อเร็วๆนี้ ทีมวิจัยนำโดยนักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยเยล, มหาวิทยาลัยแซม ฮิวส์ตัน ในสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัยวิทวอเตอร์สแรนด์ ในแอฟริกาใต้ เผยถึงการตรวจสอบซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลกะโหลกของพาลาโครดอน (Palacrodon) สัตว์เลื้อยคลานอายุ 250 ล้านปี ที่ช่วยอุดช่องว่างของความเข้าใจวิวัฒนาการในสัตว์เลื้อยคลาน และยังให้สัญญาณว่าสัตว์เลื้อยคลาน พืช และระบบนิเวศอาจฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่เคยคิดไว้ หลังจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสสิกทีมอธิบายว่า ใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์วิเคราะห์ซากพาลาโครดอนที่สมบูรณ์ที่สุดจากทวีปแอนตาร์กติกาและสร้างภาพ 3 มิติของฟอสซิล ก็พบว่าฟันที่ผิดปกติของพาลาโครดอน และลักษณะเฉพาะอื่นๆ อีก 2-3 ประการของกายวิภาค บ่งชี้ว่ามันน่าจะเป็นสัตว์กินพืชหรือมีปฏิสัมพันธ์กับชีวิตพืชในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งนี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงการฟื้นตัวของพืชและระบบนิเวศในช่วงต้นและในวงกว้างหลังการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสสิกนั่นเอง.(ภาพประกอบ Credit : Yale University)