ปลานิลนับเป็นสินค้าประมงที่มีศักยภาพ เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรทางเลือกของจังหวัดนครราชสีมา สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี โดยปลานิลที่เพาะเลี้ยงมี 2 สายพันธุ์คือ ปลานิลดำ และปลานิลแดง (ปลาทับทิม)สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) ลงพื้นที่สำรวจพบว่า เกษตรกรในจังหวัดจะนิยมเลี้ยงปลานิลดำร้อยละ 90 เนื่องจากเลี้ยงง่ายต้นทุนต่ำกว่าปลานิลแดง (ปลาทับทิม)ส่วนใหญ่จะเลี้ยงปลานิลในกระชังบริเวณรอบอ่างเก็บน้ำลำแซะ และเขื่อนมูลบน ครอบครัวละ 4-6 กระชัง (ขนาด 5×7 ม.) สามารถเลี้ยงปลาได้เฉลี่ยกระชังละ 1,000 ตัว เกษตรกรผู้เลี้ยง 150 ราย หรือประมาณ 83% มีการทำเกษตรพันธสัญญากับบริษัทในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานประมงจังหวัดนครราชสีมาโดยทางบริษัทจะเป็นผู้จัดหาพันธุ์ปลาและปัจจัยการผลิต อาหารและยาให้เกษตรกรผู้เลี้ยง ให้ราคาประกันรับซื้อ กก.ละ 60–70 บาท...แต่เกษตรกรจะต้องเลี้ยงให้มีขนาดตามที่บริษัทกำหนด (น้ำหนักตัวละ 1–1.15 กก.)ทำให้เกษตรกรสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต มีตลาดรับซื้อแน่นอน มีการรับประกันราคา และไม่ต้องรับความเสี่ยงเมื่อสินค้าล้นตลาด นอกจากนี้ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่เลี้ยงแบบกระชังในบ่อดิน โดยมีการรวมกลุ่มในรูปของวิสาหกิจชุมชน แปรรูปผลผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า อาทิ ปลานิลหมักเกลือ ปลานิลปลาร้า ปลานิลแดดเดียว เป็นต้นการผลิตปลานิลทั้ง 2 สายพันธุ์ ในระยะเวลา 1 ปี สามารถเลี้ยงปลานิลได้ 2-3 รุ่น ใช้เวลาในการเลี้ยงรุ่นละ 157-169 วัน ให้ผลผลิตเฉลี่ยกระชังละ 954-975 กก.ต่อรุ่นปลานิลดำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกระชังละ 55,585 บาทต่อรุ่น และปลานิลแดงให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกระชังละ 65,938 บาทต่อรุ่นเกษตรกรผู้สนใจข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทน สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.5 นครราชสีมา โทร.0-4446-5120 หรืออีเมล zone5@oae.go.thสะ–เล–เต