เกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่งผลทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก เปิดเผยเมื่อช่วงสายวันที่ 7 พ.ค. กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ในช่วงวันที่ 7-10 พ.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้น และฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับหย่อมความกด อากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่างมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน และจะเคลื่อนขึ้นไปปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 11-12 พ.ค. ลมใต้และตะวันตกเฉียงใต้ พัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และอ่าวไทย มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้า คะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรส่วนในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ค. เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.วิภาวดี อ.ไชยา และ อ.ท่าฉาง รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน ในพื้นที่หมู่ 7, 8, 11, 13 และ 15 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี หมู่ 7 ต.ปากหมาก อ.ไชยา และหมู่ 4 และ 5 ต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 78 ครัวเรือน 280 ราย ไม่มี ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนที่บ้านเทพนิมิต หมู่ 11 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี กระแสน้ำป่าไหลแรงกัดเซาะ ถนนขาด ทำให้รถกระบะมีนายสำราญ สำเนากาญจน์ เป็นคนขับ น้ำซัดตกลงในคลองได้รับความเสียหาย เช่นเดียวกับที่บ้านเคี่ยมเพาะ หมู่ 5 ต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง น้ำป่าไหลเชี่ยวผ่านสะพานรถกระบะถูกกระแสน้ำซัดตกถนนอีก 2 คัน และกระแสน้ำซัดคนงานชาวเมียนมาหายไป 1 คน ที่สะพานใกล้โรงเรียน ตชด.บ้านคลองวาย หมู่ 7 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี น้ำป่าซัดกอไผ่และต้นไม้ล้มมากองปิดถนนบนสะพาน นายนพดล ขาวมะลิ นายอำเภอวิภาวดี ระดมกำลังอส. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านช่วยกันกำจัดเศษไม้และขยะ ขณะนี้เปิดเส้นทางได้แล้วด้านนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 3 พื้นที่ร่วมกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ปภ.สาขาท่าชนะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. อส. อาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมใจสยามปู่อินทร์ (บ้านยางโพรง) และกู้ชีพกู้ภัย อบต.ปากหมาก เข้าช่วยเหลือชาวบ้านยกของขึ้นที่สูง เนื่องจากฝน ยังมีแนวโน้มตกลงมาอีก ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จ.สุราษฎร์ธานี สั่งการทุกอำเภอในพื้นที่และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดำเนินการ แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองด้านล่าง เฝ้าระวัง น้ำป่าไหลหลาก พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงนายวิชวุทย์กล่าวอีกว่า จัดเตรียมศูนย์อพยพ เครื่องมือ อุปกรณ์ และรถยกสูง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้ทันที และประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรในพื้นที่ห้ามขับรถผ่านทางน้ำไหลเชี่ยว หรือลงไปในพื้นที่น้ำท่วมเพื่อป้องกันการสูญเสีย จัดเจ้าหน้าที่ อปพร. และอาสา สมัครมูลนิธิ เฝ้าระวังต้นไม้และขยะไหลมาติดที่ตอม่อสะพาน ให้กำจัดออกจากตอม่อสะพานทันที หลังฝนหยุดตกสั่งให้เจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไปที่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ อ.พรหมคีรี หลังฝนตกต่อเนื่อง อย่างหนัก เกิดน้ำป่าไหลหลากล้นน้ำตกสองรักไหลทะลักท่วมพื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 6 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี ถนน สะพาน และบ้านเรือนที่อยู่ริมคลองได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ น้ำป่ายังไหลท่วมถนนคอนกรีตในหมู่บ้านพังเสียหายชาวบ้านขี่รถ จยย.ถูกน้ำซัดตกถนน 1 ราย เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือไว้ได้ทัน ต่อมา ช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค. น้ำลดกลับสู่ภาวะปกติแล้วเหลือ แต่เพียงความเสียหายที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบขณะที่นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงใหม่ รับแจ้งจากทางอำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ ว่า เกิดเหตุ น้ำหลากน้ำท่วมขังในพื้นที่หมู่ 1, 2, 12 และ 13 ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง เนื่องจากมีฝนตกสะสมตลอดคืน วันที่ 6 พ.ค.จนถึงเช้าวันที่ 7 พ.ค. ทำให้น้ำไหลหลาก ลงมาจากดอยอินทนนท์เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่ำและถนนทางหลวงหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-ฮอด น้ำผ่านท่อลอดระบายไม่ทันท่วมถนน ขณะนี้ประสานเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงจอมทองเข้าอำนวยความสะดวกปิดกั้นการจราจร 1 ช่องทางบริเวณถนนช่วงที่น้ำหลากข้ามถนน และสั่งให้เจ้าหน้าที่ อบต.ข่วงเปา ขุดลอกทางน้ำเดิมที่มีหญ้ารกให้น้ำไหลได้สะดวก สำหรับในพื้นที่บ้านเรือนประชาชนที่มีน้ำท่วมขัง เจ้าหน้าที่นำเครื่องสูบน้ำเร่งช่วยระบายน้ำออกแล้ว คาดว่าหากไม่มีฝนตกซ้ำจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ พร้อม กันนี้กำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.ข่วงเปา และ ในหลายพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือ ชาวบ้านแล้ว