ตำรวจออกหมายจับ “อ้วน-แสงโรจน์ กาญจนะ” ลูกชายอดีตนักการเมืองชื่อดัง จ.สุราษฎร์ธานี หลังซื้อบริการเด็กอยู่ในแก๊ง “ซาเซโม” พร้อมรวบตัวรองประธาน สภา อบต.ท่าโรงช้าง และประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนท่าสะท้อน ขณะที่ผู้การสุราษฎร์เผย พบเด็กสาวมีแนวโน้มกลุ่มเสี่ยงค้ากามร่วม 50 คน สั่งฝ่ายสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าแก้ไขปัญหา โฆษก ปชป. ป้อง “จุติ” ไม่มีเอี่ยวค้ามนุษย์ “สุทธวรรณ” อัด รมต.ต้องรับผิดชอบกว่านี้ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีการปราบปรามเครือข่ายค้ามนุษย์ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นำเด็กหญิงมาขายบริการทางเพศยังเหลือผู้ต้องหาอีก 4 คน ที่ยังหลบหนี ต่อมาชุดสืบสวนตามลากคอผู้ต้องหามาได้ 1 คน เป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์หนัก ยังคงเหลืออีก 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นลูกชายอดีตนักการเมืองในพื้นที่ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวก่อนหน้านี้ 12 คน พนักงานสอบสวนนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งหมดได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวด้วยการใช้หลักทรัพย์เงินสดคนละ 2 แสนบาท ขณะที่นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีคำสั่งย้ายนายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน มาอยู่ประจำที่สำนักงานปลัด พม. หลังถูกกล่าวหาพัวพันโทรศัพท์สั่งให้เจ้าหน้าที่บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เกลี้ยกล่อมเด็กเหยื่อแก๊งกามคดีค้ามนุษย์ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ซื้อบริการ มีนายเอ็ม เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก ใช้ไม้ทุบตีข่มขู่บังคับเด็ก ทั้งคู่ถูกแจ้งความที่ สภ.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี คดีอยู่ระหว่างสอบสวนความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค. พ.ต.อ.วัฒนา เบ้าศรี ผกก.สส.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยชุดสืบสวน ภ.จ.สุราษฎร์ธานี ตำรวจ บก.สส.ภ.8 และชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จับกุมผู้ต้องหา 6 คน ตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในข้อหาค้ามนุษย์และซื้อบริการทางเพศเด็ก ประกอบด้วยแม่เล้า 1 คน ผู้สนับสนุน 2 คน และผู้ซื้อบริการ 3 คน โดยผู้ซื้อบริการทราบชื่อเพียง 2 คน คือนายคำนึง สมบัติแก้ว รองประธานสภา อบต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี นายลำยอง บุญสพ ประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนท่าสะท้อน อ.พุนพิน ทั้งคู่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันมาก่อนหน้านี้แล้วประกันตัวออกมา ต่อมาตำรวจจับกุมอีกรอบเป็นคดีต่างกรรมต่างวาระ สำหรับคดีค้ามนุษย์ ก่อนหน้านี้ตำรวจขอหมายจับผู้ต้องหาเพิ่ม 8 ราย ประกอบด้วยแม่เล้า 1 ราย ผู้สนับสนุน 2 ราย และผู้ซื้อบริการ 5 ราย ภายหลังจับได้ 6 คนยังเหลือผู้ซื้อบริการอีก 2 คนที่ยังหลบหนี 1 ในนั้นคือนายแสงโรจน์ หรืออ้วน กาญจนะ ลูกชายนายชุมพล กาญจนะ อดีตนักการเมืองชื่อดัง จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ นายแสงโรจน์ยังถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันอีก 2 คดี พฤติกรรมต่างกรรมต่างวาระแนวทางการสืบสวนทราบว่ากลุ่มบุคคลผู้ให้บริการทางเพศส่วนใหญ่เป็นสมาชิกแก๊ง “ซาเซโม” มีสมาชิกอยู่ประมาณ 500 คน สร้างเพจขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2559 เพื่อรวมกลุ่มของสมาชิกเป็นเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้ก่อตั้งคือ “มี่เปิ้ล” หรือ “เจ๊เปิ้ล” และมี “เจ๊น้ำ” เป็นบุคคลสำคัญของกลุ่ม กลุ่มวัยรุ่นชายหญิงที่ต้องการเข้าร่วมในเพจจะต้องตั้งบัญชีชื่อผู้ใช้ที่มีคำว่า “ซาเซโม” เข้าร่วมทำกิจกรรมหรือแสดงความคิดเห็นในกลุ่มมี่เปิ้ลจะทำหน้าที่ชักชวนเด็กๆที่มีแนวโน้มขายบริการทางเพศ มีเจ๊น้ำและโอปอและสมาชิกในกลุ่มอีกอย่างน้อย 5 คน ทำหน้าที่ส่งงานให้กับเด็กที่เต็มใจค้ากาม แต่หากมีลูกค้าที่สนใจสมาชิกในกลุ่ม แต่เด็กไม่เต็มใจจะใช้วิธีขู่บังคับ ตบตี หรือให้ออกจากกลุ่มด้าน พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตำรวจสืบสวนตรวจพบเด็กสาวอายุไม่เกิน 15 ปี ที่เป็นสมาชิกแก๊งซาเซโมมีแนวโน้มและสุ่มเสี่ยงขายบริการทางเพศ 20 คน และอีก 30 คน อายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 17 ปี ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ขณะนี้สั่งการให้ชุดสืบสวน ภ.จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามพฤติกรรมและสอดส่องการรวมกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ พร้อมแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอมาตรการตรวจเยี่ยมเป็นรายบุคคลเพื่อเฝ้าระวังต่อไป ส่วนการปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ (ค้าประเวณีเด็ก) ของศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร) ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.2564 ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 41 ราย แบ่งเป็นแม่เล้า 12 ราย ผู้ซื้อบริการ 28 ราย และผู้สนับสนุน 1 ราย คุ้มครองเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี รวม 10 คนขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊กขอให้พรรคแสดงจุดยืนคดีค้ามนุษย์ใน จ.สุราษฎร์ธานี สั่งเด้งรองอธิบดีกิจการเด็กและเยาวชนแทรกแซงคดีว่า นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อมีรายงานเกี่ยวข้องกับข้าราชการสังกัด พม. นายจุติย้ำต่อปลัดกระทรวง พม.ว่าให้ยึดความจริง ความถูกต้อง ไม่ว่าใครทำผิดไม่อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ได้โทรศัพท์สั่งการใครให้ดำเนินการผิดกฎหมายหรือให้ช่วยเหลือผู้กระทำผิด นายสมชัยพยายามเชื่อมโยงให้สังคมเข้าใจผิด จะประสานฝ่ายกฎหมายของรัฐมนตรีเก็บข้อมูลโพสต์ และพรรคไม่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จุดยืนพรรคชัดเจนในการป้องกันการค้ามนุษย์ ปกป้องสิทธิเสรีภาพ นายสมชัยมุ่งทำลายทางการเมือง เชื่อมโยงในโพสต์ว่าเป็นพรรค ปชป.มุ่งหมายให้มีผลต่อคะแนนนิยมของพรรค ทั้งการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. เลือกตั้งซ่อม จ.ราชบุรี ไม่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองน้ำเน่า เป็นเพียงสิ่งปฏิกูลทางการเมืองน.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม ในฐานะรองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมีรองอธิบดีในสังกัดกระทรวง พม. ข่มขู่บังคับเหยื่อให้กลับคำให้การ เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ซื้อประเวณีเด็กหรือไม่ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก หากปล่อยให้เกิดเหตุเช่นนี้ โดยไม่ทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อนำตัวคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว เด็กและผู้หญิงรวมถึงเหยื่อทุกคนในประเทศนี้คงไม่สามารถรู้สึกปลอดภัยได้ ทั้งนี้ ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าเด็กที่เป็นเหยื่อและเป็นพยานคดีนี้มีความเครียดจนทำร้ายตัวเองด้วยการกรีดแขนและหน้าท้อง จนต้องถูกย้ายมาที่กรุงเทพฯ เพื่อความปลอดภัย ทั้งที่เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น หากหน่วยงานในพื้นที่คือที่พึ่งที่ทำให้อุ่นใจในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ไม่ใช่เพิ่มปัจจัยเครียดไปเรื่อยๆเพียงเพราะต้องการช่วยเหลือกันน.ส.สุทธวรรณกล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องไปยังนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม.ให้มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ เจ้ากระทรวงกำกับดูแลโดยตรง ต้องให้ความกระจ่างต่อสังคมโดยเร็ว คงไม่ใช่พูดเอามัน ชีวิตเด็กและผู้หญิงมีตัวตน เลือดเนื้อ ชีวิตจิตใจ เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับบุคคลและหน่วยงานที่ท่านกำกับดูแล รวมถึงพรรคที่ท่านสังกัด อย่าซื้อเวลาอ้างเป็นเรื่องเปราะบาง ต้องรอตรวจสอบให้ละเอียด ท่าทีของท่านสำคัญมากต่อการที่เหยื่อและคนไทยทุกคนจะรู้สึกถึงการปกป้องและความยุติธรรมหรือไม่ สังคมเกิดคำถามหนึ่งในผู้ใช้บริการซื้อประเวณีเด็ก เป็นลูกอดีต ส.ส.พรรคเดียวกับรัฐมนตรีกำกับหน่วยงานดูแลเหยื่อ แต่กลับปล่อยให้มีรองอธิบดีข่มขู่เจ้าหน้าที่บ้านพักและทำร้ายเหยื่อโดยเจ้าหน้าที่ เวลามากพอที่จะมีข้อมูลและให้คำตอบขั้นต่ำสุดยืนยันกับสังคมว่ามีความพยายามช่วยเหลือลูกหลานคนพรรคเดียวกันปกปิดความผิดหรือไม่ มีรองอธิบดีข่มขู่เจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ทำภายใต้คำสั่งใคร จะมีขั้นตอนตรวจสอบเพื่อทำให้สังคมเชื่อถือท่านและพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะไม่มีการช่วยเหลือกันในเรื่องนี้ได้อย่างไร