เตรียมลงดาบว่าที่ น.ต.แอบถ่ายในห้องน้ำ หลังคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้น เสนอความเห็นให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโทษปลดออกจากราชการ ขณะที่ตำรวจเผยความคืบหน้าทางคดี ตำรวจสอบผู้เสียหาย 23 รายเสร็จแล้ว และรวบรวมพยานหลักฐานเรียบร้อย รอทหารพระธรรมนูญนำตัวว่าที่ น.ต.ฉาวมารับทราบข้อกล่าวหา ก็จะสรุปสำนวนส่งอัยการดำเนินคดี 3 ข้อหาจากคดีฉาวว่าที่ น.ต.เกียรติกร มั่งคั่ง สังกัดแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ รพ.สมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นำกล้องวงจรปิดไปติดตั้งบนฝ้าเพดานห้องน้ำหญิง-ชาย ติดกับแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ แอบถ่ายเจ้าหน้าที่สาวทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน จนความแตกเพราะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเข้าไปซ่อมระบบไฟฟ้าบนฝ้าเพดานเมื่อวันที่ 7 ม.ค. พบกล้องวงจรปิด 2 ตัวต่อสายลากเข้าห้องทำงานของว่าที่ น.ต.เกียรติกร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ 4 ตัว พบคลิปแอบถ่ายฉาวร่วม 1,000 คลิป ขณะที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ รพ.ดังกล่าว ทยอยเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.พลูตาหลวง เพื่อดำเนินคดี ขณะที่ พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ แจงต้นสังกัดสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและสั่งกักควบคุมตัวทหารเรือฉาว เพื่อป้องกันไม่ให้ข่มขู่ผู้เสียหายหรือยุ่งเหยิงพยานความคึบหน้าการดำเนินการทางวินัยว่าที่ น.ต.แอบถ่ายในห้องน้ำ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีว่าที่ น.ต. เกียรติกร มั่งคั่ง (รน.) นายทหารสังกัดแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ รพ.สมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิงภายในสำนักงานว่า กองทัพเรือได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมและเสนอความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาให้รับทราบ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้กระทำความผิดต้องได้รับการพิจารณาโทษของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอน สำหรับเรื่องคดีความต่างๆให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นคดีส่วนบุคคล ซึ่งว่าที่ น.ต.เกียรติกรต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาจากทางพนักงานสอบสวนต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานข่าวด้วยว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของกองทัพเรือได้พิจารณาถึงพฤติการณ์ของผู้กระทำความผิดจากพยาน หลักฐาน และมีผู้ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าประพฤติชั่วร้ายแรง สร้างความเสียหายต่อกองทัพฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.2476 จึงเสนอให้ปลดว่าที่ น.ต.เกียรติกร ออกจากราชการด้านการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญา พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ สมใจ ผกก.สภ.พลูตาหลวง เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 23 รายเสร็จเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว และรวบรวมหลักฐานทั้งหมดพร้อมส่งอัยการเพื่อดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ 1.กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ 2.กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และ 3.กระทำด้วยประการใดๆต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคามหรือกระทำให้ได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งเป็นการกระทำในที่สาธารณะ หรือเป็นการกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศผกก.สภ.พลูตาหลวงกล่าวต่อว่า ต้นสังกัด ว่าที่ นพ.เกียรติกร แจ้งว่าขณะนี้ ว่าที่ น.ต.เกียรติกร ถูกลงโทษทางวินัยอยู่ จะนำตัวมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 ก.พ. พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ หากสอบปากคำผู้ต้องหาเสร็จก็จะสรุปส่งสำนวนให้อัยการได้ จากการสอบสวนผู้เสียหายทราบว่ามีช่างไฟฟ้าไปตรวจพบกล้องวงจรปิดภายในห้องน้ำหญิงและห้องน้ำชาย และมีการตรวจสอบสายกล้องวงจรปิดจนทราบว่าปลายสายไปลงยังคอมพิวเตอร์ภายในห้องและโต๊ะทำงานของทหารเรือนายดังกล่าว จนมีการตรวจสอบคอมพิวเตอร์จนพบคลิปวิดีโอของผู้เสียหายทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ