อ.เชียงแสน และเชียงของ จ.เชียงราย เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีเกษตรกรหลากหลายสาขา ทั้งข้าว พืชผักผลไม้ ประมง ปศุสัตว์ อีกทั้งมีพรมแดนติดกับประเทศลาว สามารถขนส่งสินค้าเกษตรไทยจากไทยไปยังเส้นทางต่างๆ ทั้งรถ เรือ โดยเฉพาะรถไฟลาว-จีน ที่สามารถขยายต่อไปสู่ยุโรป ผ่านเส้นทางทะเลรัสเซียในอนาคต ฉะนั้น หากเชียงรายได้เป็นฮับของสินค้าเกษตรไทย นั่นย่อมหมายความว่า ภาคเหนือจะเป็นจุดยุทธศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของการเชื่อมโลกของไทย นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยถึงเป้าหมายการเชื่อมเหนือเชื่อมโลก โดยจะเริ่มที่โคเนื้อเป็นอันดับแรก ก่อนขยายสู่สินค้าเกษตรอื่นในอนาคต เนื่องจากแต่ละปีจีนมีความต้องการโคเนื้อจำนวนมาก โดยให้โควตานำเข้ากับประเทศต่างๆ แต่ไม่มีประเทศไทย ที่มีศักยภาพผลิตโคเนื้อได้ดี แต่กลับไม่ได้รับโควตานั้น เนื่องด้วยเราถูกองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้อยู่ในประเทศมีการระบาดของโรคปากเท้าเปื่อย ขณะที่ลาวมีโควตาปีละ 500,000 ตัว แต่กำลังการผลิตไม่พอ ลาวจึงต้องนำเข้าจากไทยปีละนับแสนตัวเพื่อขุนต่อแล้วส่งไปขายให้จีน “ฉะนั้น ถ้าเราสามารถทำให้ จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน และเชียงของ ที่มีศักยภาพอยู่แล้ว ทั้งในทางกายภาพ และจุดยุทธศาสตร์ ให้กลายเป็นเขตแซนด์บ็อกซ์ หรือเขตปลอดโรคอย่างแท้จริง สร้างความมั่นใจให้จีนได้ จะเกิดประโยชน์กับเกษตรกรอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการได้ส่งออกไปจีนโดยตรง ไม่ต้องผ่านลาว ทำให้เกษตรกรได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ เกษตรกรผู้ปลูกพืชอาหารเลี้ยงสัตว์ จะได้ประโยชน์ไปด้วย”นายนราพัฒน์ บอกอีกว่า ทั้งนี้ เบื้องต้นได้มีการลงนามร่วมกันในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสมาคมผู้ส่งออกและนำเข้าปศุสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ไทย กับเครือข่ายโคเนื้อล้านนา และคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันได้เร่งรัดให้ภาครัฐเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ ส่วนกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างใช้ยุทธศาสตร์เชื่อมโยงพื้นที่ส่งสินค้า และกรมปศุสัตว์กำลังเร่งเสนอของบกลางติดตั้งเอียร์แทค (RFID) ที่เปรียบเสมือนจีพีเอสคอยติดตามวัวแต่ละตัว เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับทางจีน.