ป.ป.ช.ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน น.ส.3 ก. จำนวน 8 ฉบับ เนื้อที่กว่า 459 ไร่ อยู่ในหุบเขาเขตอุทยานฯ ติดแม่น้ำแควน้อย ปลูกทุเรียนพันธุ์ดี เตรียมชี้มูลเอาผิดอดีตปลัดอำเภอไทรโยค และอดีตที่ดินอำเภอไทรโยค ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีรับรองว่าที่ดินไม่ได้อยู่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ ไม่เป็นความจริง แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังเมื่อปี 2497 พบว่าเป็นป่าเบญจพรรณทั้งแปลง ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์แต่อย่างใดป.ป.ช. ร่วมกับกรมอุทยานฯ ตรวจสอบที่ดิน น.ส.3 ก. 459 ไร่ กลางหุบเขาในอุทยานฯไทรโยค เพื่อชี้มูลเอาผิดอดีตปลัดอำเภอ และอดีตที่ดินอำเภอรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 เม.ย. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายหิรัณย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผู้อำนวยการสำนักไต่สวน คดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ป.ป.ช. นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 15 นาย ร่วมกันตรวจสอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทะเบียนเลขที่ 51 ถึง 58 จำนวน 8 ฉบับ รวมเนื้อที่ 459 ไร่ 39 ตารางวา อยู่กลางหุบเขาติดแม่น้ำแควน้อย ในเขต อุทยานแห่งชาติไทรโยค บริเวณบ้านหาดงิ้ว หมู่ 5 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ปลูกทุเรียนพันธุ์ดีหลายพันต้น มีตัวแทนของเจ้าของที่ดินเป็นผู้นำตรวจ ใช้เครื่องจีพีเอสตรวจแนวเขตที่ดินอย่างละเอียดนายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า การที่ ป.ป.ช.ลงมาตรวจสอบที่ดินครั้งนี้ เป็นการตรวจสอบครั้งสุดท้าย ก่อนชี้มูลเอาผิดนายวิสูตร วระทรัพย์ อดีตปลัดอําเภอไทรโยค และนายประยูร ใสเงิน อดีตเจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอไทรโยค ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หลังจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยคแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของที่ดินในข้อหาบุกรุก ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เมื่อปี 2562ผอ.สบอ.ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวถึงเบื้องหลังการตรวจสอบที่แปลงดังกล่าวว่า ช่วงปี 2554-2557 อุทยานแห่งชาติไทรโยค ตรวจสอบถึงที่มาของ น.ส.3 ก.ว่าออกในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคได้อย่างไร เนื่องจากอยู่หุบเขากลางป่า ติดแม่น้ำแควน้อย แต่ไม่สามารถตรวจสอบสารบบที่ดินได้ เพราะเอกสารหลักฐานทั้งหมดถูกไฟไหม้เสียหายจากเหตุไฟไหม้ที่ว่าการอำเภอไทรโยค เมื่อเดือน ก.พ.2534 เมื่อตรวจสอบ น.ส.3 ก. ที่จัดสร้างขึ้นแทนฉบับเดิม มีปลัดอำเภอ ป่าไม้อำเภอ และเจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอ เป็นคณะกรรมการออกไปตรวจสอบที่ดินที่ราษฎร เป็นเจ้าของและได้ไปยื่นความจำนง เพื่อจัดสร้างหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินขึ้นใหม่ตามประกาศของจังหวัดกาญจนบุรี พบว่านายวิสูตร วระทรัพย์ ปลัดอำเภอไทรโยคในขณะนั้น และนายประยูร ใสเงิน เจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอไทรโยคในขณะนั้น เป็นผู้รับรองที่ดิน น.ส.3 ก.ทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ เขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะมนตรี และเขตหวงห้ามที่ดินเพื่อใช้ในราชการทหารนายนิพนธ์กล่าวว่าจากการตรวจสอบของอุทยานแห่งชาติไทรโยค กลับพบที่ดินทั้ง 459 ไร่เศษ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ประกาศในปี พ.ศ.2512 และอยู่ในเขตป่าถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี ในปี พ.ศ.2516 เมื่อตรวจสอบแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2497 พบว่าเป็นป่าเบญจพรรณทั้งแปลง ไม่มีร่องรอยการเข้าทำประโยชน์แต่อย่างใด เห็นว่าการออกหนังสือ น.ส.3 ก. ทั้ง 8 ฉบับเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของที่ดิน พร้อมส่งเรื่อง ให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีนายวิสูตรและนายประยูร รวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออก น.ส.3 ก.โดยมิชอบ คณะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.มาตรวจสอบพื้นที่ เตรียมชี้มูลเอาความผิดกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และเตรียมชี้มูลให้กรมที่ดินเพิกถอน น.ส.3 ก.ทั้ง 8 ฉบับ เพื่อยึดคืนพื้นที่และฟื้นฟูให้สภาพป่ากลับคืนมาดังเดิมต่อไป