ผลงานของตำรวจนครบาลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ของกลางยาบ้ากว่า 4 ล้านเม็ดที่ซุกซ่อนไว้ในบ้านพักย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี เตรียมขนยาเสพติดส่ง “อ้วน เซียงตึ๊ง” นักค้ายาเสพติดขาใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นคดีโด่งดังปี 2561 เปิดฉากยกพวกไล่ยิงถล่มกันกลางเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลามีชื่อชั้นในวงการนักเลงขาใหญ่ และเป็นเพื่อนสนิท “เสี่ยโป้” แม้ตัวจะหลบหนีคดีอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่ “อ้วน เซียงตึ๊ง” ยังได้ชื่อเป็นผู้บงการใหญ่ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.ชุดสายตรวจ บก.สปพ. ขยายผลคดีใหญ่จับกุมนายณัฐวุฒิ พรหมสุวรรณ อายุ 25 ปี นายณัฐพงศ์ ไชยกิจ อายุ 22 ปี นายวิษณุ มณีโชติ อายุ 21 ปี น.ส.ปิยะวรรณ มณีโชติ อายุ 20 ปี น.ส.ปนัตตา มณีโชติ อายุ 25 ปี นายอัคเดช รามเดช อายุ 19 ปี นายธนาวุฒิ ประดับวงค์ อายุ 28 ปี น.ส.วรรณี แซ่อิ้ว อายุ 43 ปี น.ส.อัมพาพัชร์ ทองคำ อายุ 28 ปี นายเอ อายุ 17 ปี และนายบี อายุ 17 ปีพร้อมของกลางยาบ้า 4,160,000 เม็ด ยาไอซ์ 9 กิโลกรัม กัญชา 5 กิโลกรัม รถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน เงินสด 70,000 บาท และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องการค้ายาเสพติดอีกหลายรายการ นโยบายของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กำชับให้ทุกหน่วยที่จับกุมผู้ค้ายาเสพติดให้สืบสวนขยายผลให้ถึงที่สุด ทุกคดีที่จับกุมผู้ค้ารายย่อยจะต้องขยายผลต่อยอดให้ได้แหล่งเก็บพักยาและผู้ค้ารายใหญ่ เป็นรูปแบบงานยาเสพติดของ บช.น.ทำให้คดีนี้ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สําราญ นวลมา รอง ผบช.น. ต้องมาร่วมแถลงข่าวเองบก.สปพ. หรือ 191 มีผลจับกุมคดียาเสพติดต่อเนื่องตั้งแต่สมัย พล.ต.ต.สำราญ เป็น ผบก.สปพ. จนเป็น พล.ต.ต.สมบุญ ให้ความสำคัญการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลโครงข่ายยาเสพติดมาใช้เป็นข้อมูลขยายผลทุกคดีจากคดีเมื่อวันที่ 29 พ.ย. พ.ต.อ.ประสงค์ และ พ.ต.อ.ปิยรัชต์ จับกุม นายวีระศักดิ์ เจ็ดหุ้น อายุ 28 ปี และ น.ส.จุฑารัตน์ แดงน้อย อายุ 29 ปี ได้ที่ปั๊ม ปตท.พระราม 2 พร้อมของกลางยาบ้า 1 ล้านเม็ด ขณะเตรียมขนลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลางนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ วันที่ 24 ม.ค.ขยายผลจับกุมเครือข่ายเพิ่มอีก 2 ราย ขณะนำยาบ้า 818,000 เม็ด และยาไอซ์ 14.86 กรัม นำไปเก็บไว้ที่บ้านพักย่าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.สำราญ และ พล.ต.ต.สมบุญ มองว่าเป็นเครือข่ายรายใหญ่ได้ร่วมประชุมทีมสืบสวนนำข้อมูลมาขยายผลทราบว่าแก๊งค้ายากลุ่มนี้เชื่อมโยงเครือข่าย “อ้วน เซียงตึ๊ง” ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคใต้กลุ่มคนร้ายขับรถยนต์จากภาคใต้เข้ามารับยาเสพติดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโกดังพักยาเสพติดที่ลำเลียงจากภาคเหนือ ก่อนนำไปเก็บไว้ในบ้านพักคลองสาม จ.ปทุมธานี เตรียมส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ชุดสืบสวนแกะรอยข้อมูลกลุ่มคนร้ายใช้รถยนต์คันที่ 1 ขับนำทางเพื่อดูเส้นทางและด่านตรวจเจ้าหน้าที่ หากพบด่านจะรีบแจ้งที่ให้รถยนต์คันที่ 2 ขับเปลี่ยนเส้นทาง รถยนต์คันที่ 3 ใช้ขนบรรทุกยาเสพติดขับตามมา เป็นรูปแบบคาราวานขนยาเสพติด แต่ละคันจะขับห่างกัน 5 กิโลเมตร เพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุมเดือน ก.พ. พล.ต.ต.สำราญ และ พล.ต.ต.สมบูรณ์ สืบทราบว่ามีรถต้องสงสัย 3 คัน น่าจะเกี่ยวข้องเครือข่าย “อ้วน เซียงตึ๊ง” เดินทางจากพื้นที่ภาคใต้มารับยาเสพติดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ได้รายงาน พล.ต.ต.พีระพงษ์ และ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ จัดสืบสวน 191 สะกดรอยพบบ้านเช่า ถ.เลียบคลองสาม หมู่ 1 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ข้อมูลสืบสวนเชื่อว่าจะเป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดก่อนลำเลียงส่งพื้นที่ภาคใต้ พล.ต.ต.สมบูรณ์ ขอหมายค้นจากศาลเข้าตรวจค้นเป้าหมาย พบยาบ้า 1,980,000 เม็ดซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นเอ็กซ์แพนเดอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน งข 3811 สงขลา จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้รับค่าจ้างในการขนลำเลียงยาเสพติดส่งภาคใต้ 1-1.2 ล้านบาทต่อครั้ง ผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์นำไปสู่การขยายผลค้นบ้านเช่าภายในซอยตาอินทร์ ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พบ 2,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน สล 7001 กรุงเทพมหานคร และยาบ้า 180,000 เม็ด ยาไอซ์ 9 กิโลกรัมและกัญชา 5 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องชั้น 2 ของบ้านจับกุม นายธนาวุฒิ และ น.ส.อัมพาพัชร์ รับสารภาพว่า ทำหน้าที่เก็บรักษายาเสพติดไว้ที่บ้านเพื่อรอเพื่อนเข้ามารับอีกทอด ได้รับค่าจ้าง 30,000-80,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับการขนลำเลียงยาเสพติดในแต่ละรอบพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “ขบวนการดังกล่าวเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ลักลอบลำเลียงจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทางชายแดนพื้นที่ จ.เชียงราย พักยาที่ภาคกลางเพื่อส่งต่อภาคใต้ ก่อนกระจายยาเสพติดจำหน่ายพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.ตรัง และ จ.สงขลา บางส่วนส่งขายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้ง 11 รายขนยาเสพติดส่งภาคใต้ไม่น้อยกว่า 7 ครั้ง ผู้ต้องหา 1 รายเคยต้องโทษคดีจำหน่ายยาเสพติด 7 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาปี 63 แต่ไม่เลิกจำหน่ายยาเสพติดมาโดยตลอด ผู้สั่งการคือ “อ้วน เซียงตึ๊ง” เป็นคนภูมิลำเนา จ.สงขลา เคยปรากฏเป็นข่าวในสื่อโซเชียล ขณะนี้หลบหนีออกไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน”ผลงาน บก.สปพ. หรือ 191 ในยุคของพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ใช้แฟ้มข้อมูลเครือข่ายผู้ค้ารายย่อยมาต่อยอดขยายผลบุกทลายเป้าหมายผู้ค้ารายใหญ่ระดับประเทศมานับไม่ถ้วนครั้งนี้บุกทลายแก๊งค้ายาขาใหญ่ภาคใต้ “อ้วน เซียงตึ๊ง”.ทีมข่าวอาชญากรรม