คาด 21-24 ธ.ค.มีผลอีกนายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) (สายงานผลิตและส่งน้ำ) ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์น้ำ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยแล้ง กปน. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเดือนธันวาคมเป็นเดือนที่คาดการณ์ว่าระดับน้ำทะเลจะหนุนสูงตามการคาดการณ์ของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ซึ่งที่ผ่านมา เกิดภาวะน้ำทะเลหนุนถึงจุดรับน้ำดิบเข้าคลองประปาของ บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล อ.เมือง จ.ปทุมธานี ในบางช่วงเวลา แม้จะบริหารจัดการโดยการหลีกเลี่ยงการสูบน้ำดิบในช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูงมาผลิตน้ำประปา แต่เกิดภาวะน้ำหนุนต่อเนื่องจึงต้องสูบน้ำดิบที่มีค่าความเค็มเกินระดับเฝ้าระวังเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำประปา ส่งผลให้รสชาติของน้ำประปาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างแน่นอน โดยค่าคลอไรด์ในน้ำประปาวันที่ 17 ธ.ค.62 อยู่ระหว่าง 20-294 มิลลิกรัม/ลิตร ค่านำไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 323-1,305 หน่วย ซึ่งค่าแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ว่า หากค่าคลอไรด์เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร หรือความนำไฟฟ้าประมาณ 1,200 หน่วย จะส่งผลต่อรสชาติ แต่ไม่ส่งผล กระทบต่อสุขภาพ ซึ่งเมื่อบ่ายวันที่ 17 ธ.ค.นั้น มีค่าคลอไรด์ในน้ำประปาเกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร ในระยะสั้นๆ และเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.62 ยังได้รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งนี้ คาดว่าน้ำทะเลจะหนุนสูงอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 21-24 ธ.ค. ศกนี้ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งนี้ กปน.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมต่างๆที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ฟอกย้อม ยาเลนส์ กระจก เหล็ก ฯลฯ และโรงพยาบาล พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาระบบสำรองน้ำประปา และระบบกรองน้ำของแต่ละหน่วยงานแล้ว สำหรับประชาชนทั่วไป กปน.ขอแนะนำให้ติดตาม และตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาออนไลน์ด้วยตนเองทาง http://twqonline.mwa.co.th หรือแอปพลิเคชัน MWA onMobile โดยเฉพาะข้อมูลค่าความนำไฟฟ้า และค่าคลอไรด์ (ค่าความนำไฟฟ้าคือความสามารถที่ยอมให้ไฟฟ้าไหลผ่าน เนื่องจากมีแร่ธาตุในน้ำมาก ซึ่งส่วนหนึ่งคือเกลือ ส่วนน้ำกลั่นไม่มีแร่ธาตุเลย ค่าความนำไฟฟ้าคือศูนย์ ในขณะที่น้ำแร่ถือเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุสูง นั่นคือ มีค่าการนำไฟฟ้าสูงด้วยเช่นกัน) ทั้งนี้ กปน.ขอความร่วมมือประชาชนในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ติดตามข้อมูล คุณภาพน้ำจาก กปน. อย่างสม่ำเสมอ และร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อรักษาทรัพยากรน้ำอันมีค่า พร้อมรับมือกับปริมาณน้ำที่น้อยลง.