“รถตู้ผี” หรือ “รถตู้เถื่อน” ยังมีเห็นวิ่งเกลื่อนถนน ตอบสนองความต้องการผู้โดยสาร สังเกตจากสีป้ายทะเบียนรถตู้โดยสารประจำทาง จะเป็น “ป้ายทะเบียนสีเหลือง”ส่วนรถตู้ส่วนบุคคล “ป้ายทะเบียนสีขาว” ไม่สามารถนำมาใช้เป็นรถตู้โดยสารประจำทางได้ แต่...มักพากัน “แหกกฎ” นำมาวิ่งรับผู้โดยสารแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายนั่นเพราะวันนี้...รถตู้โดยสารสาธารณะกลายเป็นขนส่งมวลชนทางเลือกใหม่ยอดนิยมของคนไทยที่มีความคล่องตัว และเข้าถึงระดับหมู่บ้าน ไม่ต้องเพิ่มภาระให้กับผู้โดยสาร สามารถตอบสนองความต้องการได้ดีจนเป็นที่นิยม มีการนำรถตู้มาดัดแปลงที่นั่งเพิ่ม หรือใช้รถตู้ส่วนบุคคลมาให้บริการแบบผิดประเภทมากมายใช้รถตู้ผิดประเภท...หมายถึงรถตู้บุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ในการใช้รับส่งผู้โดยสารประจำทางอย่างถูกต้องปัญหาตามมา...หากเกิดอุบัติเหตุ อาจหาความรับผิดชอบจากใครไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ยกเว้นเรียกร้องจากคนขับและเจ้าของรถ ที่ไม่มีข้อรับรองใดได้เลยว่าจะได้ค่าชดเชย...ที่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไปหรือไม่หรืออาจกลายเป็นว่าเจ็บ...ตาย...ฟรี ด้วยซ้ำทีมข่าว “สกู๊ปหน้า 1” มีโอกาสนั่งรถตู้โดยสาร ลักษณะแบบรับถึงหน้าบ้าน และส่งถึง “หัวบันไดบ้าน” ที่ไม่ใช่รถร่วมบริการของ บขส. แต่เรียกกันว่า “รถตู้ขาล่อง” เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ถึง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี เก็บค่าบริการ 600 บาทต่อคน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง แหล่งข่าวคนขับรถตู้ให้ข้อมูลว่า ชาวบ้านตามหมู่บ้านในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มักใช้บริการรถตู้ขาล่องมากกว่ารถทัวร์ประจำทางสามารถวิ่งรับผู้โดยสารในหมู่บ้าน และส่งผู้โดยสารถึงที่พักปลายทางในกรุงเทพฯหากแต่มีความสะดวกมากกว่าใช้บริการรถทัวร์ประจำทาง ไม่ต้องนั่งรถออกจากหมู่บ้านไปขึ้นรถทัวร์ตามจุดนัดหมาย ส่วนใหญ่เป็นตัวอำเภอ หรือตัวจังหวัด เมื่อถึงกรุงเทพฯส่งผู้โดยสารรวมกันจุดเดียว คือ สถานีขนส่งหมอชิต ทำให้ผู้โดยสารต้องเสียเวลาในการต่อรถเมล์ หรือนั่งรถแท็กซี่เดินทางไปยังที่พักปลายทางค่าบริการรถตู้ขาล่องนั้นเก็บตามระยะทาง อาทิ ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ 400 บาท ในพื้นที่ อ.เดชอุดม อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประมาณ 600-650 บาท ทำให้กลุ่มรถตู้มีทั้งป้ายทะเบียนสีเหลือง “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” หรือรถหมวดเลขทะเบียน 30-32 และป้ายทะเบียนสีขาว ออกวิ่ง รับ-ส่ง ผู้โดยสารแบบขาล่องอยู่บนถนนแบบผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น หนำซ้ำ...กลุ่มรถตู้ป้ายทะเบียนสีขาวยังออกวิ่งให้บริการผู้โดยสารประเภทรับจ้างเหมา แบบผิดประเภท มาแข่งขันให้บริการลูกค้ากับกลุ่มรถตู้ป้ายทะเบียนสีเหลือง...อีกต่างหากว่ากันตามกฎหมาย “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” หรือรถตู้หมวดเลขทะเบียน 30-32 อนุญาตให้วิ่งรับจ้างได้ทั่วไป ในงานรับเหมารับจากจุดต้นทาง...ไปยังจุดปลายทาง ในการรับงานต้องทำเป็นหนังสือว่าจ้างชัดเจน ระบุต้นทาง และปลายทาง ไม่สามารถออกนอกเส้นทางที่ระบุในสัญญา หรือรับบุคคลอื่นได้แหล่งข่าวคนขับรถตู้ขาล่องให้ข้อมูลอีกว่า สำหรับรถตู้จดทะเบียนในหมวดเลขทะเบียน 30-32 กรมการขนส่งทางบกมีข้อระเบียบในการปฏิบัติมากมาย อาทิ ตรวจสภาพรถทุก 6 เดือน ต้องมีอุปกรณ์นิรภัยติดตั้งบนรถ เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง รวมทั้งมีทางออกฉุกเฉินการบังคับใช้กฎหมายกำหนดความเร็ว โดยการติดตั้งเครื่องรูดบัตร GPS จำกัดที่ระดับความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วที่เหมาะต่อรถขนส่ง และรสบัสทั่วไป และพนักงานขับรถต้องมีใบอนุญาตขับขี่ประเภทรถสาธารณะ รูดเข้ากับเครื่อง GPS เรียลไทม์ ออนไลน์...จากนั้นระบบเชื่อมต่อส่งข้อมูลการใช้รถมายังศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS แบบเรียลไทม์ กรมการขนส่งทางบก เพื่อควบคุมกำกับดูแลผู้ขับรถให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างปลอดภัย เช่น ตำแหน่งปัจจุบัน เส้นทางการเดินรถย้อนหลัง ความเร็วในการใช้งานรถข้อมูลถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำส่งต่อเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม...ที่สำคัญแสดงตำแหน่งปัจจุบันของรถ รายงานกราฟสรุปการใช้งานรถ การเดินทางรายวัน สามารถดูย้อนหลังได้ 6 เดือนเมื่อติดตั้งเครื่อง GPS เรียลไทม์ ออนไลน์ หากขับขี่รถเกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะมีสัญญาณเตือน ถ้าสัญญาณดังเกิน 2 นาทีขึ้นไป กรมการขนส่งทางบกจะมีใบสั่งเสียค่าปรับส่งถึงบ้านทันที ส่วนอัตราโทษค่าปรับอยู่ที่ 2,000–3,000 บาท ทำให้ผู้ขับขี่รถตู้โดยสาร ต้องมีความระวังในการขับขี่แม้ว่ามีมาตรการจำกัดความเร็วในเรื่องความปลอดภัย แต่ลูกค้า หรือผู้โดยสารบางกลุ่มไม่ชอบ เพราะต้องการทำเวลาเดินทางให้สั้นที่สุด และหันไปใช้บริการรถรับจ้างป้ายทะเบียนขาวที่ไม่ถูกประเภทมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่จำกัดความเร็ว“เคยมีลูกค้าระบุเลือกรถตู้แบบเหมาโดยสารเลยว่า ไม่ขอรถตู้ป้ายเหลืองทุกชนิด เพราะขับช้า เสียเวลา แต่ขอเป็นรถตู้โดยสารส่วนบุคคล แพงแค่ไหนก็ยอมจ่าย...”มีผลให้ผู้ประกอบการรถตู้ ไม่นิยมจดทะเบียนรถรับจ้างไม่ประจำทาง แต่กลับใช้รถป้ายขาวออกมาวิ่งรับเหมากันแทน และทราบข้อกฎหมายนี้ดี ว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ใช้การอะลุ้มอล่วยของระเบียบ และยอมจ่ายค่าปรับด่านตรวจ 200 บาททุกวัน สามารถใช้ใบเสร็จค่าปรับนี้อ้างต่อด่านตรวจอื่นได้ 24 ชั่วโมงทำให้ผู้ประกอบการรถรับจ้างไม่ประจำทาง หมวดทะเบียน 30-32 บางคันต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ...สู้ยิบตาด้วยการหลบเลี่ยงการจำกัดการวิ่งไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหันมาติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณจีพีเอสที่มีขายอยู่ตามปั๊มน้ำมัน หรือร้านที่ติดตั้งระบบ GPS เรียลไทม์ และยังสามารถสั่งซื้อในออนไลน์ที่มีให้เลือกหลายแบบ ราคาตั้งแต่ 700–3,000 บาทยกตัวอย่างรุ่นยอดนิยม...USB มีขนาดเล็กพอๆกับแฟลชไดรฟ์ ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว หลักการทำงานคร่าวๆคือจะแผ่คลื่นความถี่ออกไปตัดสัญญาณความถี่จีพีเอสที่ติดตั้งก่อนหน้านี้ และใช้ไฟฟ้าจากพอร์ต USB ซึ่งในการใช้งานไม่ต้องตั้งค่า หรือเปิด-ปิด เพียงเสียบเข้าไปที่ พอร์ต USB ที่มีไฟฟ้าก็จะเริ่มทำงานตัดสัญญาณได้ทันทีปัญหามีว่า...ระบบการทำงานของเครื่องตัดสัญญาณนี้ มีทั้งแบบการควบคุมสัญญาณจำกัดในระดับความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนขับใช้ความเร็วเท่าไรก็ตาม ข้อมูลใช้รถจะถูกส่งไปยังระบบของกรมการขนส่งทางบกไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกแบบ...อุปกรณ์เครื่องรบกวนสัญญาณ หรือตัดสัญญาณ GPS คือ...รถมีการเคลื่อนที่ แต่มีอัตราความเร็วเป็นศูนย์ พิกัดตำแหน่งของรถไม่ถูกต้องในการหลบเลี่ยงการส่งข้อมูลการใช้รถทำให้ข้อมูลพิกัดตำแหน่งการเคลื่อนที่ของรถไม่สามารถส่งข้อมูลมายังศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ซึ่งอุปกรณ์แบบหลังนี้ผู้ประกอบการขนส่ง หรือผู้ขับรถบางรายมักใช้กันเป็นจำนวนมาก ขณะที่บุคคลทั่วไปยังสามารถติดตามตำแหน่งรถผ่านแอปพลิเคชัน DLT GPS ตลอด 24 ชั่วโมงและก็ได้โอกาสทดลองใช้ระบบ DLT GPS จริง ในระหว่างนั่งรถตู้มาถึงช่วง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีรถรับจ้างไม่ประจำทาง หมวดเลขทะเบียน 30 ขับแซงด้วยความเร็ว และนำหมายเลขทะเบียนรถ 30-XXXX กทม.เข้าระบบ DLT GPS พบว่ารถตู้คันนี้ GPS ระบุตำแหน่งจอดนิ่งอยู่ที่ย่านลาดพร้าว กทม.ทั้งหมดเหล่านี้เป็นเล่ห์เหลี่ยมวิธีหลบเลี่ยงของกลุ่ม “รถตู้ผี” หรือ “รถตู้เถื่อน” ที่มีกระจายให้บริการแบบผิดกฎหมาย อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแฝงตัวให้บริการร่วมกับรถตู้ในระบบที่ถูกต้องแต่...ท้ายที่สุดแล้ว ต้องไม่ลืมว่าจะส่งผลถึง “ผู้โดยสาร” ที่ต้องมารับความเสี่ยง “อันตราย” ที่จะต้องออกมาเรียกร้องสิทธิตัวเองในการรับบริการรถตู้โดยสารที่ปลอดภัย.