นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า อหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ AFS เกิดจากเชื้อไวรัสมีความทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและหนาวเย็นจัดสูง หากสุกรติดโรคจะป่วยและตายเป็นจำนวนมาก โดยโรคดังกล่าวสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว และยังไม่มีประเทศใดสามารถผลิตวัคซีนป้องกัน-กำจัดโรคดังกล่าวได้“โรคแอฟริกาในสุกรแม้ไม่ติดต่อสู่คน และที่ผ่านมายังไม่มีการระบาดโรคดังกล่าว แต่ไทยได้ยกระดับมาตรการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้โรคเข้าไทย ส่วนผู้เลี้ยงสุกรและประชาชนเกษตรกรต้องช่วยกันเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด สังเกตอาการของโรค หากสุกรมีไข้สูง ผิวหนังแตก มีจุดเลือดออกหรือรอยช้ำ เฉพาะใบหูท้อง ขาหลัง และมีอาการทางระบบอื่น เช่น ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร การแท้งในทุกช่วงของการตั้งท้อง และตายเฉียบพลัน ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันทีเพื่อเข้าทำลายฝังกลบ โดยเกษตรกรที่ประสบเหตุจะได้รับการช่วยเหลือชดเชยตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์” ด้าน น.สพ.จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ บอกว่า ขณะนี้โรคระบาดดังกล่าวยังแพร่กระจายเป็นวงกว้างในหลายๆ ประเทศ ทั้งจีน เวียดนาม กัมพูชา และล่าสุดในแถบลาวทั้ง 7 จุด อยู่ในเมืองตุ้มลาน แขวงสาละวัน พื้นที่แขวงติดกับอุบลราชธานี เพื่อไม่ให้โรคดังกล่าวระบาดเข้ามาถึงไทย กรมยังคงวางมาตรการคุมเข้มห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสุกรทั้ง กุนเชียง ไส้กรอกทุกชนิด ซาลามี แหนม ฯลฯ เข้าประเทศอย่างเด็ดขาด หากพบมีการฝ่าฝืนการเคลื่อนย้ายหมู ผลิตภัณฑ์แปรรูปเข้า ออก ผ่าน หรือภายในเขตเฝ้าระวังโรค ถือเป็นความผิดตามมาตรา 21 พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังเพิ่มมาตรการคุมเข้มในพื้นที่ 16 จังหวัด เชียงราย แม่ฮ่องสอน หนองคาย น่าน บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร เลย อุตรดิตถ์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ สระแก้ว จันทบุรี และตราด เป็นเขตเฝ้าระวังโรคระบาด กรมปศุสัตว์ยังได้ตั้งวอร์รูมอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และตั้งศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร เกษตรกรสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLD 4.0 ของกรมปศุสัตว์ได้ตลอด 24 ชม.หรือแจ้งสายด่วนโทร. 06-3225-6888.