"หลวงพ่อแพ” นามที่ชาวบ้านเรียกขานพระเกจิดังแห่งวัดพิกุลทอง จังหวัดสิงห์บุรี เป็นที่เคารพศรัทธาของศิษยานุศิษย์จากทั่วทุกสารทิศ“วัดพิกุลทอง” ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อยฝั่งตะวันออก ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีราวๆ 16 กิโลเมตร ถือเป็นวัดขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของสิงห์บุรี เป็นที่ประดิษฐาน“พระพุทธรูปปางประทานพร” ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยผู้คนเรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” หรือ “พระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี” ขนาดหน้าตักกว้าง 11 วา 2 ศอก 7 นิ้ว...สูง 21 วา 3 คืบ 11 นิ้ว สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ใช้งบประมาณก่อสร้าง 20 ล้านบาทปูมประวัติบันทึกไว้ว่า...เมื่อครั้งอายุได้ 25 ปี สมัยที่หลวงพ่อยังเรียนอยู่กรุงเทพฯ ได้เริ่มสนใจในทางปฏิบัติเพื่อหาความสงบทางใจ จึงเรียนรู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดโพธิ์ท่าเตียน ได้ความรู้มาพอสมควร พร้อมกันนั้นยังมีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้จากท่านอาจารย์พระครูใบฎีกาเกลี้ยง วัดสุทัศนเทพวนาราม ซึ่งเป็นพระฐานานุกรมและศิษย์ผู้ใกล้ชิด สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว)ถือว่าเชี่ยวชาญทางด้านสร้าง...ลบผงพุทธคุณต่อมา...เมื่อได้ข่าวว่าในอำเภอบางระจันมีพระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาอาคมอยู่รูปหนึ่ง มีผู้คนนับถือ เคารพ ศรัทธาและเกรงกลัวกันมากด้วยเพราะวาจาท่านนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ชื่อว่า “หลวงพ่อศรี” เจ้าอาวาสวัดพระปรางค์ จึงได้เดินทางไปฝากตัวเพื่อขอเป็นศิษย์ เรียนรู้ ปฏิบัติ จนกระทั่ง...ได้เป็นศิษย์เอกคนหนึ่ง O O O Oหลวงพ่อศรีเมตตาสอนวิทยาอาคมให้ “หลวง-พ่อแพ” อย่างไม่ปิดบัง บันทึกที่เผยแพร่ออกมาระบุว่า ขณะที่มีการก่อสร้างพระอุโบสถ หลวงพ่อศรีก็แนะนำให้สร้างแหวน และทุกครั้งที่สร้างเสร็จก็นำไปถวายหลวงพ่อศรีปลุกเสก...ซึ่งท่านก็ยังไถ่ถามหลวงพ่อศรีด้วยว่า สร้างแล้วคนนิยมกันไหม?หลวงพ่อท่านบอกว่า...นิยมมาก ให้สร้างมากๆ และด้วยเมตตาจากหลวงพ่อศรีนี่เอง ทำให้หลวงพ่อแพได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ได้สำเร็จแล้วเสร็จภายในช่วงเวลาเพียง 2 ปีกว่าๆเท่านั้นอีกครั้งกับเรื่องราวเกี่ยวกับการหล่อ “สมเด็จทองเหลือง”อาจจะกล่าวได้ว่าเมื่อหลวงพ่อแพมีบารมีมากขึ้น ผู้คนศรัทธากันมากจากทั่วสารทิศ ด้วยวิชาอาคมแตกฉานเชี่ยวชาญ วัดหลายแห่งก็ต่างนิมนต์ท่านไปเป็นประธานในการก่อสร้างวัด พระวิหาร ถาวรวัตถุมากมาย...และในเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2493 วัดแถบอำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ก็ได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมงาน “เราเพลียมากจึงชวนศิษย์ไปจำวัดที่หอสวดมนต์ มีหลายคนนอนอยู่ก่อนแล้ว ก่อนนอนเอาผ้าอาบน้ำฝนใส่ไว้ในย่าม คิดว่าคนที่นอนอยู่คงเข้าใจว่าเป็นเงิน ด้วยความอ่อนเพลียจึงหลับไป...เช้ามืดพอตื่นจากจำวัด ปรากฏว่าย่ามหายไปแล้ว จึงแจ้งทางวัดทราบ สิ่งของในย่ามก็มีเพียง ของเล็กๆน้อยๆ แต่ของที่สำคัญคือ...พระสมเด็จวัดระฆังฯ” หลวงพ่อแพกล่าวพระสมเด็จฯองค์นี้ได้รับมาจากโยมวัดชนะสงคราม เป็นของแท้และมีคุณค่าทางจิตใจ เสียดายอย่างมาก...ญาติโยมรู้ข่าวก็ช่วยกันติดตาม ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าได้รับของคืนมาครบทุกชิ้น ยกเว้นพระสมเด็จฯ สอบถามคนขโมยก็ยอมรับว่าเอาไปขายให้คนคนหนึ่งไม่รู้ชื่อ ไม่สามารถติดตามคืนมาได้... ด้วยความเคารพในบารมี “สมเด็จพระพุฒาจารย์โต” เป็นอย่างมาก หลวงพ่อแพจึงตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีท่านที่วัดไชโยวรวิหาร ขอสร้างพระโลหะพิมพ์สมเด็จขึ้นใช้เอง พร้อมแจกจ่ายให้กับผู้เลื่อมใสศรัทธา กระทั่งในปี 2493 วันเวลาผ่านล่วงเลยไปราวครึ่งปี ก็ได้นำช่างมาเททองหล่อที่ด้านใต้โบสถ์หลังเก่า รับโลหะจากผู้มีจิตศรัทธามาร่วมพิธีจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเงิน ขันลงหิน สตางค์แดงสตางค์สิบ ทองเหลืองO O O Oพระเครื่อง...“หลวงพ่อแพ” ที่เด่นดังมีมากมายหลายต่อหลายรุ่น หากจะนับทั้งหมดกล่าวกันว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 300 แม่พิมพ์ อาทิ พระสมเด็จฯ พระนางพญา พระรอด พระปิดตา พระลีลาทุ่งเศรษฐี พระสีวลี พระขุนแผน พระผงรูปเหมือน นางกวัก พระสังกัจจายน์ ฯลฯ...ว่ากันว่าท่านมุ่งหมายให้วัตถุมงคลที่จัดสร้างนั้นมีความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ เรื่องสำคัญคือการปลุกเสก ลงวิชาอาคม อำนาจจิตด้วยอานุภาพแห่งพลังบริสุทธิ์ เพื่อให้ขลัง แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง หลายๆคนประสบพบเจอมากับตัวผ่านประสบการณ์ตรง โดยเฉพาะเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับวัตถุมงคลของหลวงพ่อรุ่นแรกๆด้วยมีคุณหลากหลายทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด โชคลาภ บารมี ทรัพย์สิน“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์”...เชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็โปรดอย่าได้ลบหลู่. รัก–ยม