นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในรอบ 50 ปี สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดที่ 25 ทีมพลังสัตตะรักษ์สหกรณ์ ที่มี นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดี สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าทีม ชนะการเลือกตั้งแบบยกชุดทั้ง 7 คน และเข้ารับตำแหน่ง ประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย คนใหม่เมื่อ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาทำเอาคนในขบวนการสหกรณ์คึกคัก ฮึกเหิม มีความหวังขึ้นมาทันที...ด้วยเชื่อว่า ประธานคนใหม่เป็นทั้งนักกฎหมายและนักสหกรณ์ผู้มีประสบการณ์คลุกคลีในวงการร่วม 24 ปี จะมาเป็นหัวเรือใหญ่ช่วยผลักดันให้สหกรณ์ไทยหลุดพ้นจากวังวนเก่าๆได้ ด้วยห้วงเวลาที่ผ่านมา ขบวนการสหกรณ์ไทยแทบไม่ได้รับการพัฒนาส่งเสริมให้เข้มแข็ง เพราะภาครัฐที่มีหน่วยราชการ 2 กรม กำกับดูแล มุ่งใช้แต่คำสั่งปกครอง ออกกฎระเบียบเน้นกำกับควบคุมเป็นหลัก จนสหกรณ์ไม่อาจจะพัฒนาตัวเองให้เติบโตได้ตามหลักการของสหกรณ์ที่แท้จริง“ปัญหาสหกรณ์ไทยเกิดจากความผิดเพี้ยนในหลักการสหกรณ์ คนที่มาทำงานสหกรณ์ไม่อยู่ในหลักการ 7 ประการของสหกรณ์ และภาครัฐเองมองสหกรณ์ผิด มองเป็นเรื่องของการค้าขายแสวงหากำไร ทั้งที่โดยพื้นฐานสหกรณ์จริงๆ เป็นเรื่องต้นทุนทางเศรษฐกิจ ชาวบ้าน เกษตรกรไม่มีทุน เข้าไม่ถึงแหล่งทุนของสถาบันการเงิน เขาจึงมาเป็นสมาชิกสหกรณ์เพื่อนำทุนไปพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่ใช่กู้สหกรณ์เพื่อนำไปสร้างหอพัก คอนโดมิเนียม ทำอย่างนั้นต้องไปกู้ธนาคารเพราะเป็นการทำธุรกิจแสวงหากำไร กู้สหกรณ์ไม่ได้ สหกรณ์ไม่ใช่สถาบันการเงินปกติ เป็นเพียงสถาบันการเงินเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างสวัสดิการให้กับสมาชิก วันนี้บ้านเราสหกรณ์ออมทรัพย์หลายแห่งมีสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุเป็นรายเดือน แบบเดียวกับที่รัฐบาลมีโครงการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ สหกรณ์บ้านเราทำมาก่อนรัฐบาลเสียอีก แถมบางแห่งยังมีเงินก้อนเป็นมรดกให้ลูกหลานอีกด้วย โดยไม่ใช้เงินรัฐเลย บ้านเรามีสหกรณ์อยู่ 8,000 แห่ง มีสมาชิกอยู่ 12 ล้านครัวเรือน จะทำอย่างไรให้สมาชิกเหล่านี้มีสวัสดิการทั่วถึงโดยสหกรณ์”ประธาน สสท.คนใหม่ชี้ให้เห็นปัญหาพร้อมกับตั้งความหวังใหม่ที่จะผลักดันสหกรณ์ให้เป็นกลไกหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยแต่ด้วยมองสหกรณ์ผิดเพี้ยน วันนี้เกษตรกรไทยยากจะสู้กับคนอื่นได้ เวียดนาม เกษตรกรกู้เงินมาทำเกษตร ธนาคารคิดดอกเบี้ย 3.75-4%...แต่บ้านเรากู้ ธ.ก.ส. 5% กู้สหกรณ์ 6-9% ต้นทุนเราแพงกว่า แล้วจะผลิตสินค้าไปขายแข่งกับใครได้“วันนี้ถ้ารัฐบาลเข้าใจ ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทำยังไงให้สหกรณ์มีทุนที่ถูกลง ไม่ใช่ไปใช้วิธีสนับสนุนส่งเสริมให้สร้างโรงสี ลานตาก ฯลฯ ไม่เพียงจะก่อให้เกิดการทุจริตในภาครัฐ ยังทำให้ชาวบ้าน เกษตรกรไม่สามารถสร้างตัวเองได้”สำหรับบทบาทขั้นต่อไปของ สสท. นายปรเมศวร์ กล่าวว่า นับแต่นี้ไป สันนิบาตสหกรณ์ฯจะทำหน้าที่เป็นตัวแทน เป็นปากเสียงให้กับสหกรณ์ไทยในการแก้ปัญหาทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ในแบบมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว รวมทั้งทำหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ให้เข้มแข็ง คู่ขนานไปกับการทำงานของภาครัฐในแบบพี่น้องเดินไปด้วยกันและโครงการสำคัญที่ทำภายในปีนี้...ทำระบบประเมินผล 360 องศา จากเดิมจะมีหน่วยราชการทำหน้าที่ประเมินสหกรณ์ฝ่ายเดียว แต่ต่อไปทางฝ่ายสหกรณ์จะเป็นผู้ประเมินข้าราชการด้วย...โดยให้สหกรณ์แต่ละพื้นที่ประเมินผลการทำงานสหกรณ์จังหวัด และผู้บริหารระดับสูงของกรม ว่า บุคลากรของแต่ละกรม ในสายตาของสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการมองข้าราชการอย่างไร และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยจะทำหน้าที่รวบรวมสรุปผลส่งไปให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาซึ่งในเบื้องต้น อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เห็นด้วยกับระบบประเมินผล 360 องศา พร้อมกับยอมรับ คนของกรมยังไม่ได้มาตรฐานด้วยเช่นกันถ้าระบบประเมินผลนี้ใช้ได้ผลจริง มีมาตรฐานเชื่อถือได้ และมีการนำไปใช้กับการพิจารณาความดีความชอบกับทุกหน่วยงานราชการ...นี่แหละต้นแบบของการปฏิรูประบบราชการอย่างแท้จริง.ชาติชาย ศิริพัฒน์