เมื่อปี พ.ศ.2477 มีการเผยภาพสัตว์ประหลาดคอยาวโผล่ขึ้นมาจากน้ำในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch ness) ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งอ้างว่าถ่ายโดยศัลยแพทย์คนหนึ่ง ต่อมาสัตว์ดังกล่าวได้รับการตั้งชื่อว่า “เนสซี” (Nessie) ตั้งแต่นั้นก็มีนักวิทยาศาสตร์นับไม่ถ้วนพยายามสืบเสาะหาว่าเจ้าตัวประหลาดนี้มีจริงหรือไม่หรือเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงที่กุขึ้นมาล่าสุด ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากอังกฤษ เดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอตาโกในนิวซีแลนด์ เผยว่าจะใช้เทคโนโลยี อีดีเอ็นเอ (eDNA) ที่ช่วยค้นหาสัตว์พันธุ์หายากในน้ำและปลอดภัยต่อธรรมชาติมากกว่าวิธีเดิมๆ มาตรวจจับร่องรอยสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอของสัตว์ที่เคลื่อนผ่านในน้ำ ซึ่งอาจได้จากผิวหนัง เกล็ด ขน มูล และปัสสาวะของพวกมัน จากนั้นก็จะนำมาเรียงลำดับดีเอ็นเอเพื่อระบุถึงชนิดสิ่งมีชีวิต โดยเปรียบเทียบลำดับกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของลำดับพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน ที่มีอยู่จำนวนนับร้อยนับพันจริงๆแล้วนักวิทยาศาสตร์เผยว่าการใช้อีดีเอ็นเอสืบค้นในทะเลสาบล็อคเนสส์ ก็เพื่อสำรวจระบบนิเวศใต้น้ำและบันทึกสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน โดยเฉพาะบรรดาแบคทีเรีย ส่วนผลพลอยได้ก็คืออาจช่วยไขความกระจ่างว่าเจ้าเนสซีที่เป็นตำนานของสกอตแลนด์นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ โดยคาดว่าผลวิจัยครั้งใหม่นี้จะเผยแพร่ในเดือน ม.ค.2562.