นับเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของผู้นำศาสนาทั่วโลก ที่ได้ไปเยือน สำนักโฟโคลาเร ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์พระประมุขสูงสุดของคริสตจักรโรมันคาทอลิก ณ เมืองลูเปียโน แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลีปีนี้ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ประธานมูลนิธิวุมิตตายาลัย และ ผอ.ศูนย์วิปัสนาสากลไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย พระนักเขียน นักเทศน์ และนักพัฒนาสังคมของไทย ได้รับอาราธนาจากคริสตจักร สำนักโฟโคลาเร และสำนักวาติกัน กรุงโรม ให้เข้าเฝ้ารับเสด็จ สมเด็จ พระสันตะปาปาฟรานซิส ณ เมืองลูเปียโน วันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาในฐานะที่ พระมหาวุฒิชัย ได้อุทิศตนให้กับการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยร่วมกับ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประทานโอกาสให้ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) เข้าเฝ้าที่สำนักโฟโคลาเร โบสถ์เมืองลูเปียโน ประเทศอิตาลี.การอาราธนาจากคริสตจักรไปเข้าเฝ้า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ครั้งนี้ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสร้างศาสนสัมพันธ์อันดีกับผู้นำศาสนาสำคัญของโลกพระมหาวุฒิชัย ได้เดินทางไปพร้อมกับ พระมหาทองรัตน์ รตนวณฺโณฺ, พระครูพิพิธสุตาธร สองพระเถระผู้อุทิศตนทำงานเพื่อสังคมมาอย่างยาวนานในภาคเหนือ และพระสงฆ์รวม 8 รูป ร่วมเป็นคณะพระธรรมทูตจากประเทศไทย เดินทางไปเยือนเมืองลูเปียโน ระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค.2561สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส กล่าวสุนทรพจน์เพื่อสร้าง “ความเป็นหนึ่งเดียวกันของโลกทั้งผอง” เป็นเวลา 30 นาที สมเด็จพระสันตะปาปาฯ จึงโปรดให้คณะผู้นำจากประเทศต่างๆทั่วโลกเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดสำหรับคณะสงฆ์ไทย พระมหาวุฒิชัย ได้เข้าเฝ้าแลกเปลี่ยนทัศนะด้านการทำงานเพื่อสันติภาพโลก พร้อมถวายหนังสือ “สันติวิถี/ Peace is the way” ว่าด้วย “ทัศนะด้านการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนตามแนวทางของพุทธศาสนา” แด่ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขสูงสุดของคริสตจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลก เสด็จไปทรงร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างศาสนสัมพันธ์อันดีกับผู้นำศาสนาสำคัญของโลก พร้อมประทานโอกาสให้คริสต์ศาสนิกชนเข้าเฝ้าที่โบสถ์เมืองลูเปียโน ประเทศอิตาลี.หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงสาระสำคัญเอาไว้ว่า “เราทุกคน คือ คนชาติเดียวกัน ไม่ใช่ชาติไทย ไม่ใช่ชาติจีน ไม่ใช่ชาติยุโรป หรือชาติอเมริกา หากแต่เป็นมนุษยชาติเหมือนกัน”การไปเยือนสำนักโฟโคลาเรของ พระมหาวุฒิชัย และคณะสงฆ์ไทยครั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับเหล่าภราดาจากศาสนาคริสต์ อย่างใกล้ชิดถึงประเทศอิตาลี ดังหนึ่งทุกคนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันสื่อมวลชนอิตาลีให้ความสนใจ ขอสัมภาษณ์ พระมหาวุฒิชัย ในฐานะพระสงฆ์ไทยที่มีบทบาทสำคัญในระดับนานาชาติ และยกย่องว่าเป็น “ผู้เชื่อมสัมพันธภาพระหว่างสองศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลก”หลังเสร็จสิ้นการสร้างศาสนสัมพันธ์ พระมหาวุฒิชัย กล่าวว่า ในยุคสมัยของเรา สงครามที่ทำกันโดยอ้างอิงหรือบิดเบือนศาสนายังมีอยู่ทั่วไป ตอนนี้โลกของเรามีผู้ลี้ภัยกว่า 65 ล้านคน มากกว่าช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ร่วมผู้นำศาสนาคริสต์ และแลกเปลี่ยนด้านศาสนสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด.สาเหตุส่วนหนึ่ง (ไม่ใช่สาเหตุหลัก เพราะทุกสงครามมีเงื่อนไขซับซ้อนมากมาย) ของการที่โลกต้องมีผู้ลี้ภัยก็มาจาก “ความเข้าใจผิดที่สืบเนื่องมาจากศาสนา” หรือ “การอ้างอิงศาสนามารับใช้อุดมการณ์ส่วนตัวและอุดมการณ์ทางการเมือง” จนส่งผลให้เกิดสงครามอยู่ทั่วไปในภูมิภาคต่างๆของโลกด้วยเหตุดังที่กล่าวมาการทำความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา หรือศาสนสัมพันธ์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในยุคสมัยของเรา เมื่อผู้นำทุกศาสนาเป็นมิตรกัน ความไว้วางใจซึ่งกันและกันก็เกิดขึ้น ปฏิบัติการ “ยุให้รำ ตำให้รั่ว” ของผู้ไม่หวังดีก็จะไม่ได้ผลเมื่อศาสนิกชนทุกศาสนาล้วนมีหัวใจเปิดกว้างต่อศาสนา/ระบบความเชื่อของเพื่อน การยึดติดถือมั่นว่าศาสนาของฉันเหนือกว่าของคนอื่นก็หายไป คนที่ถือศาสนาต่างกันก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ความแตกต่างหลากหลายทางระบบความคิด ระบบความเชื่อ ก็จะไม่ถูกมองว่าเป็นความแปลกแยก แต่จะกลายเป็นความงดงามของความแตกต่าง หรือยิ่งแตกต่างยิ่งเติมเต็ม สื่อมวลชนอิตาลี ให้ความสนใจและขอสัมภาษณ์ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี พระสงฆ์ไทยที่ทำงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยร่วมกับ UNHCR.เราทุกคนมีภารกิจร่วมกันในการสร้างสันติภาพให้แก่โลกใบนี้ การนับถือศาสนาต่างกัน ไม่ควรเป็นเหตุให้เราเดียดฉันท์กัน ข่มเหงรังแกกัน แปลกแยกจากกันและกัน หากแต่ควรหมายถึง เราต่างมีเครื่องมือในการสร้างสันติภาพที่หลากหลายแต่สุดท้ายปลายทางสอดคล้องกัน คือ ต่างมุ่งหมายให้ “โลกทั้งผองเป็นพี่น้องกัน” สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและเมตตาตลอดกาลนาน พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี พร้อมด้วย พระมหาทองรัตน์ รตนวณฺโณ และ พระครูพิพิธสุตาธร พร้อมคณะสงฆ์ไทยรวม 8 รูป ร่วมเป็นคณะพระธรรมทูตไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างศาสนสัมพันธ์อันดีกับผู้นำศาสนาสำคัญของโลก.ทั้งหมดนี้คือแก่นสารอันเกิดจาก “การแลกเปลี่ยนเรียนรู้” ระหว่างสงฆ์ของไทยกับผู้นำทางศาสนาของคริสต์ศาสนา.สุภวัส วรมาลี รายงาน
