ในยุคที่ผู้คนเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อไหว้พระดัง ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไกลบ้าน คำถามหนึ่งกลับถูกละเลยอย่างเงียบงัน...ในบ้านของเราเอง มี “พระ” หรือไม่“พระในบ้าน” ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงองค์พระพุทธรูปบนหิ้งสูง หากแต่หมายถึงศูนย์รวมแห่งศรัทธาที่ตั้งอยู่ใกล้หัวใจที่สุด บางบ้านคือพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ บางบ้านคือภาพครูบาอาจารย์ที่เคยชี้ทางชีวิต และในหลายบ้านพระในบ้านคือพ่อแม่ ผู้มีพระคุณผู้เป็นทั้งผู้ให้กำเนิดและผู้แบกรับทุกข์แทนลูกๆหลานๆมาเนิ่นนาน...มีเรื่องเล่าที่ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเตือนลูกหลานไว้ว่า “ไหว้พระนอกบ้านร้อยวัด ยังไม่เท่า กราบพระในบ้านให้เป็น” นั่นเป็นเพราะศรัทธาที่แท้ มิได้อยู่ที่จำนวนธูปเทียน หากแต่อยู่ที่ความเคารพและความกตัญญูที่แสดงออกในชีวิตประจำวันในมิติของความเชื่อโบราณ คนไทยถือว่าบ้านใดรักษาพระในบ้านดี บ้านนั้นจะไม่ขาดหลัก แม้โชคลาภจะมาไม่พร้อมกัน แต่ความร่มเย็นจะค่อยๆซึมลึกอยู่ในใจคนในบ้าน เหมือนน้ำใต้บาดาลที่ไม่เห็น แต่หล่อเลี้ยงชีวิตได้ยืนยาวเปรียบเปรยพรรณนา...เหนือฟ้าอาจมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยลิขิต ใต้บาดาลอาจมีพลังเร้นลับที่อธิบายไม่ได้ แต่ในบ้าน “พระในบ้าน” คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จับต้องได้ คือคำสอนที่ไม่ต้องสวด คือความดีที่ไม่ต้องอธิษฐานเสียงดัง...ทว่าศรัทธาที่ไม่มาพร้อมความกตัญญูนั้น เป็นเพียงความเชื่อที่ว่างเปล่า...ต่อให้ตั้งหิ้งพระสูงเพียงใดหากหัวใจยังมองข้ามผู้มีพระคุณ ศรัทธานั้นก็ยากจะงอกงามบางที...การดูแลพระในบ้าน อาจไม่ใช่การจุดธูปทุกวัน แต่คือการพูดดี ทำดี อดทน และไม่ทอดทิ้งกันในวันที่ชีวิตหนักหนา เพราะนั่นคือการบูชาที่แท้จริง...บูชาด้วยการกระทำติเตือนใจฉุดรั้งความคิดแม้เพียงเศษเสี้ยววินาทีชวนให้ย้อนมองว่า ก่อนจะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ลองถามใจตัวเองว่าเราได้รักษา “พระในบ้าน” ดีพอแล้วหรือยัง เพราะศรัทธาที่แท้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องค้นหาไกล หากแต่อยู่ใกล้ตัว...และอยู่ กับเรามาตลอดชีวิต ในตำรา “วิชาชีวิต” ของคนโบราณมีบันทึกไว้ค่อนข้างจะชัดเจนว่า มีขุมพลังศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งที่แรงกล้าและเป็น “ทางลัด” แห่งสิริมงคลที่สุด นั่นคือเรื่องราวของ “พระในบ้าน” หรือบุพการีผู้ให้กำเนิดนั่นเองถึงขั้นว่ากันว่า “แรงครู...สู้แรงกตัญญูไม่ได้” ในแวดวงผู้นิยมสะสมวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง มักจะมีเรื่องเล่าขานถึง “นักเลงดี” หรือ “เศรษฐีใหญ่” หลายท่านที่แขวนพระเครื่องราคาเช่าบูชานับสิบล้าน แต่กลับต้องเผชิญกับวิบากกรรมไม่คาดฝันจนพระอาจารย์สายวิปัสสนาหลายรูปต้องทักเป็นเสียงเดียวกันว่า...“ต่อให้ห้อยพระเต็มอก ถ้าทิ้งนรกไว้ในบ้าน (หมายถึงปล่อยให้พ่อแม่ลำบาก) เทวดาที่ไหนจะคุ้มครอง”เรื่องเล่าที่กลายเป็นตำนานในหมู่ศิษย์สายวัดป่า คือเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่รอดตายปาฏิหาริย์จากอุบัติเหตุรถคว่ำพังยับเยิน เจ้าตัวไม่มีรอยขีดข่วน และในคอก็ไม่มีพระเครื่องสักองค์ มีเพียง “เศษผ้าถุงแม่” ที่ตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ พกติดกระเป๋าเสื้อไว้นี่คือเครื่องยืนยันไหมว่า “แรงรักบริสุทธิ์” ของพ่อแม่ คือยันต์กันภัยที่ไม่มีวันเสื่อมตามความเชื่อโบราณ หากใครที่ชีวิตติดขัด ทำมาค้าขายไม่ขึ้น หยิบจับอะไรก็เป็นสนิม ท่านว่าให้ลองทำพิธี “ขอขมาพระในบ้าน” โดยเฉพาะในช่วงวันขึ้นปีใหม่ หรือวันสงกรานต์ เคล็ดลับที่สืบทอดกันมาคือ“น้ำล้างเท้าคือยาดี”...การนำน้ำที่ใช้ล้างเท้าพ่อแม่มาลูบหัว เชื่อเป็นการชำระล้างอัปมงคลและ “ถอนคำสาปแช่ง” ที่เราอาจเคยทำโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ “พรจากปากคือประกาศิต”...โบราณว่าปากพ่อแม่คือ ปากพระร่วง หากท่านเอ่ยปากให้พรว่า “ขอให้รวย ขอให้เจริญ” กระแสจิตนั้นจะแรงกว่าการมูเตลูทุกสำนักเพราะ...เป็นจิตที่ไม่มีกิเลสเจือปน นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดหาสำรับกับข้าวที่ดีที่สุดให้พ่อแม่ทานก่อนเรา คือการสร้างทานบารมีที่สูงยิ่งกว่าการตักบาตรพระร้อยรูปอีกด้วย ทุกครั้งที่ปีเก่าค่อยๆละลายหายไปพร้อมปฏิทินแผ่นสุดท้าย หลายบ้านจะมีภาพคุ้นตา...การจัดหิ้งพระใหม่ เช็ดองค์พระเปลี่ยนน้ำ เปลี่ยนดอกไม้และจุดธูปในเช้าวันปีใหม่ ภาพเรียบง่ายนี้อาจดูเป็นเพียงพิธีกรรม แต่ในสายตาของผู้ศรัทธา นี่คือ “การตั้งต้นชีวิต” อีกครั้งหนึ่งก้าวย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ 2569 บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นธูปควันเทียน หลายคนมุ่งหน้าสู่หัวเมืองใหญ่ ออกเดินทางนับร้อยนับพันกิโลเมตรเพื่อไปกราบไหว้ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ชื่อดัง หวังขอพรให้ชีวิตราบรื่น รวยทรัพย์ รวยโชค ทำได้ตามสะดวก...แต่ก็อย่าลืมขุมพลังบุญใกล้ตัว...“พระในบ้าน”ตอกย้ำ “ศรัทธา...ที่ไม่มีกตัญญูเป็นเพียงพิธีกรรมที่ว่างเปล่า ต่อให้ไหว้พระกี่วัด จุดธูปกี่ดอก หากละเลยพ่อแม่ ผู้มีพระคุณในบ้าน ศรัทธานั้นก็ยากจะงอกงาม”หลายคนถามว่าต้องทำอย่างไรให้ชีวิตที่ติดขัดเริ่ม “คล่องตัว” ในปีใหม่นี้? เคล็ดไม่ลับง่ายๆใกล้ตัวทำได้ทันทีไม่ต้องรอก็ให้เริ่มที่การล้างเท้าพระในบ้าน เตรียมน้ำสิริมงคล น้ำสะอาดลอยดอกมะลิ หรือน้ำอบไทย...กล่าวขออโหสิกรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกิน ทั้งกาย วาจา ใจ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสีหน้าไม่ดี หรือการละเลยไม่ใส่ใจเมื่อท่านให้พร ให้ตั้งจิตน้อมรับ พรนั้นจะกลายเป็น “เกราะแก้ว” คุ้มครองตัวเราตลอดทั้งปี“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก-ยมคลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม