ดูจากภาพ นี่คือพระสมเด็จพิมพ์เกศบัวตูม เนื้อพระขาวอมเหลือง โทนสีไปทางเนื้อกระแจะจันทน์ ระดับความนุ่มซึ้งปานกลาง พื้นผนังองค์พระพอมีริ้วรอยธรรมชาติ รอยยุบรอยแยกเล็กๆบ้างแต่ด้านหลังผ่านการใช้ ผิวเปิดให้เห็นรูพรุนเล็กใหญ่ เล่นระดับตามธรรมชาติหนึ่งของเนื้อสมเด็จวัดระฆังทั้งพิมพ์และเนื้อองค์นี้ สำหรับคนเป็นพระ...ไม่ยากเกินไปที่จะตัดสินใจแต่ส่วนประกอบองค์พระที่แปลกตา...คือเลี่ยมทองแดงหนาจับขอบหนามเตยสี่ด้าน...ผมเองวนเวียนอยู่กับสมเด็จในขันทองเหลืองบนหิ้งพระในบ้านมาตั้งแต่อายุ 12 จน 80 ปี ขอสารภาพเพิ่งเจอ แถมเจออีกองค์เป็นพิมพ์ใหญ่เข้าแว่นสิบเท่า ดูเหลี่ยมไหน ยังไง! องค์นี้ก็แท้ เมื่อเจอเลี่ยมเก่า...แปลกตา ผมถือว่าเป็นตัวช่วยฟื้นความหลัง...เด็กรุ่น 2500 เคยถูกใช้ให้เอาวัดพลับ พิมพ์สมาธิใหญ่ ไปเลี่ยมที่โต๊ะริมถนน หน้าศาลอาญา ข้างสนามหลวง ยื่นพระให้เจ๊กก็เริ่มงานตัดแผ่นเงินบางๆแปะติดองค์พระ บัดกรีเชื่อมส่วนขอบ ส่วนหู แถมเชื่อมลวดเงินเล็กลายเกลียวเชือก คาดขอบพระ...ถือว่าเรียบร้อย ค่าเลี่ยมมาตรฐาน 10 บาทพระที่เลี่ยมเงินเข้าขอบองค์พระสมัยนั้น แปะแผ่นเงินติดเนื้อองค์พระ ยังไม่มีการใช้สีผึ้งคาด จึงไม่แปลกที่คนรุ่นต่อๆจะเจอพระ โดยเฉพาะพระสมเด็จหักบิ่น ชำรุดเสียหาย...นับไม่ถ้วนข้อดี พระที่ถูกใช้สัมผัสเนื้อจนสึกช้ำที่พูดๆกันว่า เนื้อจัด ดูง่ายนี่ว่ากันถึงคนที่มีสตางค์ค่าเลี่ยม แต่สำหรับคนไม่มีสตางค์ ที่ยังเหลือเห็นบ้าง ถึงวันนี้ แม้จะน้อยองค์เต็มที คือการถักด้วยลวดทองแดง เอาประสบการณ์นี้ เชื่อมโยงกับองค์ที่เลี่ยมทองแดงจับขอบองค์ในคอลัมน์ พัฒนามาจากการถักลวดทองแดงนี่เองย้อนหลังไปไกลราวปี พ.ศ.2487 ผมเพิ่งอ่านจากปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่องฯ เล่ม 2 พระนางพญาฯ...ตรียัมปวาย เล่า กรณีตาควาย คนแจวเรือจ้าง ท่าช้างวังหน้า (ฝั่งกรุงเทพฯ) วัดเสาวคนธ์ (ฝั่งธนบุรี) ถูกแจ้งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกาย ไม่ยอมให้ตำรวจ สน.ชนะสงครามจับตำรวจชุดแรกไปสามนาย เอาไม่อยู่ ตาควายถือขวานสู้ ตำรวจใช้ปืนยิงก็ยิงไม่เข้า ชุดสอง ร.ต.ต.ยอดยิ่ง สุวรรณาคร นำตำรวจห้าคน งานนี้ ร.ต.ต.ยอดยิ่งเจอขวานตาควายเข้าไปห้าแผล ต้องกระโดดหนีลงน้ำลูกน้องอีกสี่ช่วยกันใช้ปืนยิง ยิงกี่นัดๆ ตาควายก็แค่ร้องโอ๊ย! เจ็บคดีตาควายจบที่ตำรวจชุดที่สาม จาก สน.ป้อมปราบ...กระสุนนัดหนึ่งเจาะขมับ แต่ไม่เข้า ตาควายสลบไปพักใหญ่ แต่ก็ฟื้นขึ้นมาคว้าขวานสู้บู๊ล้างผลาญต่อ จนไปเจอท่อนไม้จากภารโรงที่ซุ่มตีเข้าทัดดอกไม้ ตำรวจรุมยำตาควายปางตาย นอนโรงพยาบาลสามเดือนร.ต.ต.ยอดยิ่ง รักษาแผลขวานเดือนกว่า พอหายก็ไปเยี่ยม ตาควายเล่า นอกจากคดปลาไหลที่คาดแขน แกแขวนพระนางพญาถักลวดทองแดง แขวนด้วยสร้อยสายสิญจน์ แต่ทว่า! พระนางพญาองค์นั้นหายไปแล้วตรียัมปวายเป็นญาติสนิทเมีย ร.ต.ต.ยอดยิ่ง เจอกันปีต่อมาที่พิษณุโลก จึงรู้ว่า นางพญาองค์ตาควาย เป็นพิมพ์สังฆาฏิ อยู่ในตลับเขาควายแกะสลักเป็นร่องสามเหลี่ยม ตอนนั้น เจ้าของเป็นนายตำรวจคนหนึ่งเรื่องเล่าฉากหลังสุด จบลงตรง ตรียัมปวายยอมถอดนางพญาพิมพ์สังฆาฏิเลี่ยมทององค์ในคอให้ ร.ต.ต.ยอดยิ่งไป แม้เสียดายใจจะขาด แต่เมื่อเจอแรงศรัทธา หนักหนา...ก็ต้องจำใจประโยชน์จากเรื่องเล่า เรื่องตลับเขาควาย หรือลวดทองแดงเลี่ยมพระนางพญา... บอกอายุขององค์พระ ว่าอย่างน้อยก็ก่อน พ.ศ.2500 ลงไป นี่คือเป็นตัวช่วยสำคัญ ให้มั่นใจว่า พิมพ์พระ และเนื้อ องค์นั้น เป็นพระแท้พระปลอมสมัยนั้น...แม้มีแล้ว แต่พิมพ์ทรงและเนื้อหายังไกล...นี่ไง! ที่ผมว่า เลี่ยมก็สำคัญ.พลายชุมพลคลิกอ่านคอลัมน์ “ปาฏิหาริย์จากหิ้งพระ” เพิ่มเติม