การศึกษานี้ให้ข้อมูลว่า ระดับ Lp (a) ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แตกต่างจากระดับ คอเลสเทอรอล ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้จากการดำเนินชีวิตและอาหารการกิน และให้ข้อมูลว่า ยาลดไขมันที่ใช้อยู่ขณะนี้ ถ้าจะใช้ลดระดับ Lp (a) ควรใช้เป็น PSK9 inhibitor ซึ่งยาเป็นยาฉีดปากกา ฉีดเดือนละสองครั้ง ค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดคือ 10,000 บาทต่อเดือนความเห็นส่วนตัวของหมอดื้อ ตามพื้นฐานของการเกิดเส้นเลือดตันอยู่ที่ “การอักเสบ” ในร่างกายและทำให้ผนังเส้นเลือดยอมรับอนุภาคไขมันแทรกเข้าไปและเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบในผนังเส้นเลือด และในที่สุดเส้นเลือดแข็งตัวและหนาขึ้นจนตีบตัน โดยที่การลดการอักเสบจากการปรับอาหาร ออกกำลัง ปรับวิถีชีวิตน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยที่ถ้าระดับไขมันไม่ดีเทียบกับระดับไขมันดียังไม่ดีนักอาจใช้ยาลดไขมันร่วมด้วยเท่าที่จำเป็น แล้วขึ้นอยู่กับโรคประจำตัว ดังนั้น การวัดระดับ Lp (a) แม้จะบอกความเสี่ยงซึ่งติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ถ้าต้องใช้ยาพิเศษสำหรับลดตัวนี้จะเป็นที่สมเหตุสมผลหรือไม่? การศึกษาวิจัยครั้งใหญ่ที่สุดกับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดพบว่าในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (ASCVD) ความเสี่ยงของการเกิดเหตุการณ์หลอดเลือดหัวใจซ้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกระดับของ Lp (a) ที่เพิ่มขึ้น โดยไม่มีระดับที่จะชี้ว่าความเสี่ยงสูงที่สุดและไม่สูงมากกว่านี้ (plateau) ที่ระดับใด ผลการศึกษานี้ขัดแย้งกับการวิจัยก่อนหน้านี้ ผลการศึกษานี้ได้รับการนำเสนอเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 ที่ European Atherosclerosis Society (EAS) และเผยแพร่พร้อมกันใน European Heart Journal ผู้เขียนหลักคือ Diane E MacDougal รองประธานฝ่ายวิทยาศาสตร์และการวิจัยที่ Family Heart Foundation ผลลัพธ์ชัดเจนมากในผู้ป่วยที่เคยประสบเหตุการณ์หลอดเลือดหัวใจแล้ว ถ้ายังมีระดับ Lp (a) ที่สูงขึ้น จะกระตุ้นให้มีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึงเพศ ชาติพันธุ์ หรือเชื้อชาติ ที่น่าสนใจคือ พบว่าความเสี่ยงนี้ดูเหมือนจะ “ลดลงบ้าง” (partially mitigated) ในผู้ป่วยที่ได้รับยาลดไขมันคอเลสเทอรอล LDL บางชนิด” Børge Nordestgaard, MD ประธาน EAS และผู้เขียนอาวุโสของการศึกษาวิจัยนี้กล่าว ทีมงานพบว่าในผู้ป่วย ASCVD จำนวน 273,770 ราย ระดับไลโปโปรตีน (a) ที่สูงขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดซ้ำอย่างต่อเนื่องของภาวะหลอดเลือดหัวใจ โดยไม่คำนึงถึงเพศหรือเชื้อชาติ/ชาติพันธุ์ รายงานนี้พิจารณาจากข้อมูลการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลในสหรัฐอเมริการะหว่างปี 2012 ถึง 2022 ในผู้ป่วย 340 ล้านรายโดยมีผู้ป่วย 273,770 รายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ASCVD และไลโปโปรตีน (a) วัดเป็น nmol/L ข้อมูลประกอบด้วยผู้หญิง (n=117,269 ; 43%) ผู้ชาย (n=156,501 ; 57%) รวมถึงคนผิวดำ (n=22,451 ; 8%) ฮิสแปนิก (n=24,606 ; 9%) และผิวขาว (n=161,165 ; 59%)ระดับไลโปโปรตีน (a) สูงขึ้นในผู้หญิงเมื่อเทียบกับผู้ชายและในบุคคล ผิวดำเทียบกับฮิสแปนิกและผิวขาว ในช่วงการติดตามผลเฉลี่ย 5.4 ปี มี 41,687 ราย (15%) ประสบกับ ASCVD ซ้ำ ระดับไลโปโปรตีน (a) ที่สูงขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ ASCVD ซ้ำ.หมอดื้อคลิกอ่านคอลัมน์ "สุขภาพหรรษา" เพิ่มเติม