ตามที่ไทยส่งเสริมและพัฒนาให้กัญชา กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจและเป็นภูมิปัญญาไทย มีการปลดล็อกให้นำส่วนของกัญชา หรือกัญชงมาใช้เป็นอาหารได้ ยกเว้นส่วนของยอดหรือช่อดอกตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา จึงเห็นมีอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง วางขายกันแพร่หลาย แต่ต้องมีคุณภาพมาตรฐานเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 427 พ.ศ. 2564 และฉบับที่ 438 พ.ศ. 2565 เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง ฉบับที่ 1 และ 2 ที่กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง เป็นอาหารควบคุมเฉพาะ ตรวจพบปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ได้ไม่เกิน 1.6 มิลลิกรัมต่อหน่วยบรรจุ (ขวด/กล่อง/ ซอง) ที่พร้อมจำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค หรือผู้แบ่งบรรจุ หรือผู้ปรุง หรือผู้จำหน่ายอาหาร รวมถึงกำหนดให้ฉลากต้องแสดงข้อแนะนำ “ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 2 หน่วยบรรจุ (ขวด/กล่อง/ซอง)” ต้องแสดงข้อความคำเตือน “เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน” “หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที” “ผู้ที่แพ้หรือไวต่อ สาร THC หรือ CBD ควรระวังในการรับประทาน” เพราะสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือ THC เป็นสารที่ให้ทั้งคุณและโทษ THC เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ส่งผลต่อการทำงานระบบประสาทส่วนกลาง ระบบหัวใจ และหลอดเลือด หากเราได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณสูงๆ หรือแพ้ อาจทำให้เกิดอาการต่างๆได้ เช่น หัวใจเต้นเร็วและรัวจนผิดจังหวะ การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายแย่ลง กระวนกระวาย เจ็บหน้าอก เป็นลม หรืออาจหยุดหายใจได้สถาบันอาหาร ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง มาตรวจวิเคราะห์หาปริมาณสาร THC ผลการวิเคราะห์พบว่ามีเพียง 2 ตัวอย่างที่พบสาร THC ในปริมาณต่ำ เห็นผลวิเคราะห์อย่างนี้แล้ว ขอแนะนำสายเขียวว่าควรเลือกซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีเลข อย. เท่านั้น และไม่ควรทานบ่อยมากนัก ทานพอเป็นกระสาย เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย. ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัยคลิกอ่านคอลัมน์ “มันมากับอาหาร” เพิ่มเติม