เรียนรู้จากวิกฤติให้ได้คิดวางแผนงานและการเงินสาวรุ่นใหม่คนดังที่อยู่เฉยๆ ไม่เป็น บุ๋ม–จารุจิต ใบหยก แห่งบ้านใบหยก เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและร้านอาหารชื่อดัง นอกจากจะช่วยต่อยอดดูแลกิจการของครอบครัวแล้ว ยังทำธุรกิจของตัวเองที่ชื่นชอบทำงานแบบไม่เกี่ยงเงินน้อยเลยทีเดียวจารุจิต หรือ “บุ๋ม” ลูกสาวคนที่ 3 ในจำนวน 4 คนของ พิมพ์เลิศ–ปริยะดา ใบหยก เจ้าของโรงแรมใบหยกและโรงแรมอื่นๆทั่วประเทศ ซึ่งถูกวางตัวให้ดูแลช่วยบริหารโรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ บุ๋ม–จารุจิต บอกว่า งานที่โรงแรม บุ๋ม ดูทั้งงานอีเวนต์และงานประชาสัมพันธ์ ช่วงวิกฤติโควิด ล็อกดาวน์ที่ผ่านมา บุ๋ม ไม่ได้หยุดเลย ทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะต้องเตรียมปรับเปลี่ยนระบบการโรงแรม การต้อนรับลูกค้า วางระบบกันใหม่หมด รวมทั้งฝึกพนักงานด้วย ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย ห้องอาหารก็ต้องเปลี่ยนการบริการเป็นดีลิเวอรี ทุกอย่างต้องมีมาตรการเข้ม ทำความสะอาดกันทุก 3 ชม. และเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้บริการ รวมทั้งระบบไลน์บุฟเฟต์ของโรงแรม เราก็ปรับเปลี่ยนเป็นการเสิร์ฟแทน โต๊ะก็ต้องรักษาระยะห่าง เพื่อความมั่นใจในการให้บริการที่ปลอดภัย นอกเหนือจากธุรกิจหลักแล้ว ผู้บริหารคนเก่งนี้ยังทำธุรกิจส่วนตัวที่ชื่นชอบ ทั้งทำเสื้อผ้าแฟชั่น และล่าสุดเข้ามาช่วยทำธุรกิจ “มารุอิ” (marui) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด Health Care โดยเล่าว่า ธุรกิจนี้เริ่มทำมา 7 ปีแล้ว เริ่มต้นพี่สะใภ้เป็นคนทำ เพราะเขามีลูกเล็ก เลยอยากหาเจล แอลกอฮอล์ที่ใช้แอลกอฮอล์ฟู้ดเกรด คุณภาพดีที่เด็กเล็กใช้ได้จริง แล้วฆ่าเชื้อโรคได้ จนไปเจอโรงงาน จึงทำขายในชื่อ “มารุอิ” ชื่อนี้แปลว่า “วงกลม” เป็นวงกลมที่โอบอุ้มครอบครัวของเราให้ปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ที่ทำมีทั้งเจลแอลกอฮอล์ สเปรย์ ผ้าเย็น ฯลฯ ใช้แล้วมือไม่แห้ง เพราะเราใส่ทั้งวิตามินอี และอโลเวร่า ตอนนี้ บุ๋ม ก็เข้ามาช่วยดูเรื่องการตลาดด้วย นอกจากขายทางออนไลน์แล้ว เรายังวางขายแบบป๊อปอัป ที่คิดส์ซาเนีย ร้านขายยาชื่อดังอีกด้วย“งานทุกอย่างที่บุ๋มทำ ต่างสอนให้เราเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ การทำงานสอนให้เราได้ คิดถึงการวางแผนล่วงหน้า ให้เรามีแผนสำรองตลอดเวลา เพราะพอเกิดเหตุการณ์ อะไรขึ้น เราก็มีแผนสำรอง เพื่อทำงานไม่สะดุด แล้วในการทำงานพ่อก็สอนให้เราอย่าเน้นกู้! ให้เน้นหาเงิน มากกว่ากู้เงิน ให้เราต้องประหยัด เราจะได้มีสายป่านยาวๆ แล้วเงินพวกนี้จะเป็นตัวช่วยเวลาที่เราลำบาก ซึ่งเหตุการณ์โควิด สอนให้พวกเราเห็นเลยว่า สิ่งที่เราประหยัด เงินที่เราเก็บจากการประหยัด ทำให้เราประคับประคองธุรกิจไปได้ โดยไม่ต้องเลิกจ้างพนักงาน”และจากเหตุการณ์วิกฤติโควิดนี้ บุ๋มได้บอกในตอนท้ายอีกว่า นอกจากชีวิตจะเปลี่ยนแล้ว ความคิดในการทำงานก็เปลี่ยนไปด้วย ต้องรู้จักสร้างสมดุล ใช้ชีวิตให้เป็น แบ่งชีวิตการทำงาน และชีวิตครอบครัวอย่างสมดุลกัน มีชีวิตที่มีความสุขทั้งงานและครอบครัว.