เมื่อปี พ.ศ.2553 กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะในญี่ปุ่น พบว่า มีรอยพิมพ์คล้ายด้วงงวงข้าวโพด (maize weevils) ประทับติดอยู่บนพื้นผิวเครื่องปั้นดินเผาอายุ 10,000 ปี ซึ่งได้รับการเก็บกู้ขึ้นมาจากบริเวณเกาะทาเนกาชิมาทางตอนใต้ของญี่ปุ่น และในปี พ.ศ.2555 กลุ่มวิจัยของมหาวิทยาลัยคุมาโมโตะ ก็พบรอยพิมพ์รูปด้วงงวงข้าวโพดในชิ้นส่วนเครื่องปั้นดินเผาที่ได้จากพื้นที่ซานนาอิ มารุยามาในจังหวัดอาโอโมริทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ทำให้สันนิษฐานว่าแมลงเหล่านี้บุกรุกทำลายอาหารในที่เก็บอาหารมาตั้งแต่ยุคโจมง (Jomon) ด้วงงวงข้าวโพดที่มีชีวิต (ซ้าย) และด้วงงวงข้าวโพดบนเครื่องปั้นดินเผา (ขวา)Credit : Prof. Hiroki Obataต่อมาในเดือน ก.พ.2559 ก็มีการค้นพบซากปรักหักพังของเรืออับปางใกล้เกาะฮอกไกโด พร้อมกับเครื่องปั้นดินเผาโบราณจากปลายยุคโจมงช่วง 4,500-3,300 ปีก่อนยุคปัจจุบัน เมื่อนำไปผ่านการสแกนด้วยรังสีเอกซ์เรย์และนับจำนวนแมลงก็พบว่ามีด้วงงวงข้าวโพดประมาณ 500 ตัวผสมลงในดินเหนียวและมีการออกแบบมาเป็นอย่างดี เมื่อนักวิจัยนำไปเปรียบเทียบขนาดตัวและอวัยวะของด้วงงวงข้าวโพดโบราณ 337 ตัวกับด้วงงวงข้าวโพดในปัจจุบันที่มีอยู่ทั่วญี่ปุ่น ก็พบว่าความยาวหนวดด้วงงวงข้าวโพดญี่ปุ่นตะวันออก มีความยาวกว่าหนวดด้วงงวงข้าวโพดตะวันตกราว 20% นั่นอาจเป็นเพราะความแตกต่างของคุณค่าทางโภชนาการของชนิดอาหารที่พวกมันกิน Credit : Prof. Hiroki Obataด้วงงวงข้าวโพดจัดเป็นศัตรูพืชที่ทำลายข้าวและธัญพืช หลักฐานเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าด้วงงวงข้าวโพดซึ่งเคยคิดว่ามาจากคาบสมุทรเกาหลี ได้เข้ามาทำลายอาหารที่เก็บไว้ เช่น ผลต้นโอ๊ก ลูกเกาลัด มานานก่อนที่จะมีการเริ่มต้นเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ การค้นพบนี้นอกจากจะช่วยให้เห็นแนวทางการเพาะปลูก รวมถึงการกระจายของอาหารในยุคโจมงแล้ว ยังสะท้อนถึงจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่นยุคโบราณได้อย่างน่าสนใจ.