ผมว่าจะไม่เขียนถึงเรื่อง “ซีเกมส์ 33” อีกแล้วนะครับ แต่พอไปอ่านเจอข่าวว่า วันที่ 26 ธ.ค.นี้ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นประธานในพิธีแจกเงิน “บำรุงขวัญ” หรือเงินอัดฉีดให้แก่นักกีฬาที่ได้เหรียญทั้งหมด รวมกัน 486 ล้านบาท...ก็เลยตัดสินใจกลับมาเขียนอีกครั้งในทางหนึ่งก็เพื่อจะขอบคุณนักกีฬาไทยที่ได้เหรียญทองมาถึง 233 เหรียญทอง...ส่วนอีกทางหนึ่งก็เพื่อรำลึกถึงความหลังเมื่อเราได้เจ้าเหรียญทองในชื่อกีฬา “ซีเกมส์” เป็นครั้งแรกในการแข่งขันเมื่อ พ.ศ.2528 นำความสุขใจมาสู่คนไทยทั้งชาติก่อนอื่นคงต้องเรียนท่านผู้อ่านว่า ปี 2528 หรือเมื่อ 40 ปีก่อนโน้นเป็นปีแห่งความสุขอย่างยิ่งของคนไทย และถือเป็นปีทองด้านเศรษฐกิจคู่ไปกับด้านกีฬาที่ยังอยู่ในความทรงจำของคนเจนผมมาจนถึงวันนี้ในทาง เศรษฐกิจ ปี 2528 เป็นปีแห่งการ “ฟื้นตัว” อย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจไทย หลังจากเกิดภาวะซบเซาจนต้องประกาศ “ลอยตัว” เงินบาท ทำให้ค่าเงินบาทลดลงอย่างมาก ในปี 2527 ก่อนหน้านั้นนำความเดือดร้อนมาสู่ประชาชนจำนวนมากที่บริโภคสินค้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพงขึ้นรัฐบาล ป๋าเปรม ที่ลดค่าเงินบาทจากคำแนะนำของ “ปู่สมหมาย” หรือนาย สมหมาย ฮุนตระกูล รมว.คลัง ถูกวิจารณ์อย่างหนักแต่แล้วในคืน “ลอยกระทง” เดือนพฤศจิกายน 2527 นั้นเอง ก็มีเหตุการณ์มาช่วยเซฟป๋าเปรมไว้ เมื่อ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผบ.ทบ.ในขณะนั้นเพิ่งกลับจากต่างประเทศได้ออกมาวิจารณ์การลดค่าเงินบาทของ ป๋าเปรม อย่างเกรี้ยวกราดผ่านโทรทัศน์ช่อง 5เกิดกระแสตีกลับ...คนไทยที่กำลังโกรธป๋าเปรมกลับหันไปเห็นใจป๋าเปรม...โดยเฉพาะสื่อทุกฉบับกลับลำออกมาเชียร์การลดค่าเงินบาทอย่างคาดไม่ถึงและอย่างเหลือเชื่อ 1 ปีหลังลดค่าเงินบาทเมื่อ 2527 เศรษฐกิจไทยก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทีนี้ก็มาถึงความสำเร็จในด้านกีฬาในปี 2528 หรือ “ซีเกมส์ 13” ที่เรามีโอกาสได้กลับมาเป็นเจ้าภาพ ซีเกมส์ เป็นครั้งแรก หลังจากเปลี่ยนจาก เซียพเกมส์ หรือ “กีฬาแหลมทอง” มาเป็น “ซีเกมส์” โดยมีอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, บรูไน มาร่วมแข่งขันด้วยนับตั้งแต่ปี 1977 หรือ 2520 เป็นต้นมา ซึ่งผลปรากฏว่า อินโดนีเซีย กลายเป็นมหาอำนาจใหม่ คว้า เจ้าเหรียญทอง ซีเกมส์ยุคใหม่ไปครองได้ถึง 4 ครั้งรวดติดกันผมเล่าแล้วว่าเมื่อเรากลับมาเป็นเจ้าภาพในปี 2528 นั้นท่าน ผอ.กำพล วัชรพล ของไทยรัฐได้ริเริ่มโครงการเพื่อล้มอินโดนีเซีย ได้แก่ โครงการสู่เจ้าซีเกมส์ ขึ้น โดยเป็นสื่อกลางหา สปอนเซอร์ มาช่วยสนับสนุนสมาคมกีฬา 14-15 สมาคม เป็นจำนวนเงินสมาคมละ 1 ล้านบาท รวมแล้วประมาณ 14-15 ล้านบาทเพราะยุคนั้นยังไม่มีเงินอัดฉีดนักกีฬาใดๆเลยอย่างเหลือเชื่อด้วยเงินเพียงไม่ถึง 20 ล้านบาท ที่ ไทยรัฐ เป็นสื่อกลางจัดหาให้แก่สมาคมต่างๆ สามารถส่งผลให้นักกีฬาไทยสู้ยิบตาจนคว้าเจ้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ...ทำได้ถึง 92 ทอง ในขณะที่อินโดนีเซียทำได้ 62 ทอง ตกไปเป็นที่ 2ผมนั่งอยู่ในเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์นี้ ทั้งในด้านฟื้นฟูเศรษฐกิจและโครงการสู่เจ้าซีเกมส์ของไทยรัฐ จึงบังเกิดความหวังว่าการเป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์อีกครั้งใน พ.ศ.นี้จะนำความสุขมาชดเชยให้แก่คนไทยได้บ้างไม่มากก็น้อยในยามที่เศรษฐกิจไทยเราซบเซาอย่างกู่ไม่กลับในปัจจุบันแต่น่าเสียดายที่การบริหารจัดการต่างๆ ตั้งแต่พิธีเปิดพิธีปิดไปจนถึงการจัดการแข่งขันที่สับสนอลเวง มีดราม่าทุกวันมาทำลายความสุขจากการเป็นเจ้าเหรียญทองเสียแทบหมดสิ้นปีนี้กับปีนั้น (2568 กับ 2528) จึงต่างกันลิบลับอย่างที่ผมพาดหัวคอลัมน์ไว้––เศรษฐกิจเราแพ้ยับเยินอยู่แล้ว กีฬาอุตส่าห์ชนะ แต่ก็เหมือนแพ้––ไม่รู้จะโทษใครดี โทษ “ดวง” ประเทศไทยก็แล้วกันครับ."ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม