ไม่น่าเชื่อ เมื่อนักแสดงสาวซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกอย่าง จูเลีย โรเบิร์ตส เจ้าของผลงานภาพยนตร์มากมายที่ฉายในบ้านเรา พริตตี้ วูแมน, นอตติ้งฮิลล์ ฯลฯ ได้ฉลองครบรอบการแต่งงาน 15 ปีกับ แดนนี โมเดอร์ ช่างภาพหนังสไปเดอร์แมน (ในอดีต) เมื่อเดือนกรกฎาคมเป็นที่เรียบร้อยตอนแรกที่จูเลีย โรเบิร์ตส คบหาดูใจกับแดนนีสมัยนู้น ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า ซุปเปอร์สตาร์คนงาม เจ้าของตำแหน่งสาวสวยที่สุดในโลกของนิตยสารพีเพิล 5 ครั้ง จะลงเอยกับช่างภาพซึ่งไม่ใช่ดาราชื่อดังหรือไฮโซแต่จูเลียดูมีความสุขกับครอบครัวที่มีแดนนีเป็นสามีและบุตรอีก 3 คน โดยใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ค่อยตกเป็นข่าวฮือฮาหรือหวือหวาเหมือนอย่างกับดาวดังคนอื่นๆที่ชอบเที่ยวราตรีและนิยมแสงสี ซึ่งจูเลียก็เป็นอยู่พักหนึ่งแต่พอหลังเข้าพิธีสมรสแล้ว (แต่งงานปี 2002) เธอก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบซะมากกว่าวันนี้พูดถึงจูเลีย โรเบิร์ตส เพราะอยากแสดงความยินดีกับวาระครบรอบ 15 ปีของการแต่งงาน และขอให้ความรักของทั้งคู่ยืนยง-มั่นคงตลอดไป เพราะเหมาะสมกันดีแล้วเห็นไหมว่า ผู้หญิงที่เป็นซุป’ตาร์ดาวดังบางทีเธอก็ไม่ได้สนใจชายที่มีอะไรเหนือกว่าเธอหรอก (สิ่งที่เหนือกว่า เช่น มีรายได้มากกว่า, เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากกว่า, ต้องเป็นหนุ่มหล่อพ่อรวยไรงี้) ขอแค่ทั้งสองฝ่ายพอใจที่จะคบกันโดยไม่แคร์ฐานะทางสังคม พวกเค้าก็สามารถอยู่ร่วมกันได้!งั้นหันมาเล่าถึงเรื่องของน้องอ้อยบ้างดีกว่า วันก่อนน้องโทร.มาคุยด้วย ว่าเพิ่งรู้จักหนุ่มคนหนึ่ง แต่ที่รู้จักไม่ใช่เพราะเธออยากรู้จักเค้าก่อนหรอกนะ เป็นที่เค้าอยากรู้จักเธอมากกว่า จึงสอบถามเพื่อนของเธอว่า น้องชื่ออะไร? และบอกให้เพื่อนช่วยเป็นสะพานเชื่อมให้หนุ่มเอมารู้จักกับน้องอ้อยให้ได้ เพราะหนุ่มเอสนใจน้องอ้อยนั่นเอง ด้านน้องอ้อยก็ไม่ว่าอะไรในเมื่ออยากรู้จักก็รู้จักได้ ดีซะอีกจะได้มีคนรู้จักเพิ่มขึ้นหลังจากที่หนุ่มสาวได้คุยกัน น้องอ้อยก็รู้สึกดีเพราะหนุ่มเอแสดงออกว่าเป็นคนสุภาพ เค้าไม่ค่อยชวนเธอไปไหนเท่าไหร่ในตอนแรก เพราะคิดว่าเพิ่งรู้จักกัน แต่พอคุยกันมากขึ้นก็เริ่มชวนเธอออกเดตบ้าง ตอนออกเดตกัน เอก็เอาอกเอาใจน้องทุกอย่าง เขามักสอบถามเธอว่า อยากไปเที่ยวที่ไหนแล้วมักพาไปที่นั่นเสมอ หนำซ้ำในเมื่อฝ่ายชายเป็นคนเอ่ยปากชวนไปเที่ยวด้วยกันอย่างนี้ เค้าก็แสดงความใจปล้ำ...เอ้ย ใจปํ้า ด้วยการออกค่าใช้จ่ายให้น้องทุกอย่าง เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สุภาพบุรุษควรทำ แต่...เป็นเรื่องที่บังเอิญมากที่พอเที่ยวด้วยกันครั้งที่ 4 ฝ่ายหญิงเพิ่งรู้ว่า ฝ่ายชายเพิ่งเลิกกับแฟนมาหยกๆ เพราะเค้าเล่าให้ฟัง อีกอย่างระยะหลังเธอสังเกตเห็นว่า มีเสียงผู้หญิงโทรศัพท์มาหาฝ่ายชายบ่อยๆจะว่าเป็นแม่โทร.มาก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าแม่โทร.มา ฝ่ายชายควรพูดจาไพเราะและเรียบร้อยกว่านี้ แต่นี่พอฝ่ายชายรับสายที่รู้ว่าเป็นแฟนเก่าเท่านั้น เค้าก็หน้าซีดพร้อมกับคำพูดที่เน้นย้ำว่า เราจบกันไปแล้ว แล้วจะโทร.มาเพื่ออะไรอีก ซึ่งดูเหมือนแฟนเก่าจะไม่อยากจบแฮะ เหตุนี้หนุ่มเอจึงยอมบอกความจริงให้น้องอ้อยรับรู้ว่า เคยมีแฟนแล้ว แต่ก็เลิกกันแล้วเช่นกันกระนั้นแทนที่ “แฟนเก่า” จะเข้าใจตรงกันให้รู้เรื่องว่า เธอเป็นอดีตไปแล้วและเค้าอยากเริ่มต้นกับสาวคนใหม่ กลายเป็นว่า แฟนเก่าเค้าดันพูดไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจน่ะซีเหตุนี้พอแฟนเก่าโทร.มาอีกครั้ง เค้าจึงไม่รับสาย กลายเป็นว่า ถูกแฟนเก่ารังควานว่างั้น ส่วนน้องอ้อยก็มึนไปสิฮ้า ตอนแรกนึกว่า คงลงเอยได้คบกับฝ่ายชายคนนี้แล้วเชียว แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วเหตุนี้ ถ้าใครมีแฟนเก่าที่ยังตามติดชีวิตของคุณอยู่ คล้ายตามมาราวี หรือแสดงความเป็นแฟนไม่เลิก...(ไม่ใช่อยากขอเป็นเพื่อน) ละก็ เห็นทีคุณต้องจัดการกับแฟนเก่าจอมตื๊อคนนี้ซะแล้ว ด้วยการ...1.ขอให้ดูเจตนาที่แฟนเก่าติดต่อกลับมาหาคุณก่อน ว่า เค้า/เธอต้องการอะไรกันแน่?ถ้าแฟนเก่าติดต่อมาเพราะอยากเป็นเพื่อนกันต่อไป เพราะแม้ไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้นี่นา ตรงนี้ไม่น่าที่จะทำให้ใครเดือดร้อนนะ การเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ ขอยืนยัน2. แต่ถ้าแฟนเก่ายังตัดใจจากคุณไม่ได้ และคิดว่ายังเป็นแฟนกันอยู่ ตรงนี้แหละที่น่าจะสร้างความขุ่นเคืองปนรำคาญใจให้ได้ แสดงว่า การพูดคุยถึงการเลิกรากันนี่ แฟนเก่าไม่ยอมรับสินะเมื่อแฟนเก่าไม่ยอมรับ เค้า/เธอจึงอาจใช้วิธีเข้าหาคุณตามปกติที่เคยทำ เช่น โทร.มาหาบ่อยๆ จนคุณเอือมระอาและไม่อยากรับสายของยัยแฟนเก่าคนนี้แล้ว3. กระนั้นไม่ว่า แฟนเก่าจะแสดงพฤติกรรมต่อคุณอย่างไร ขอให้ได้คุยกันก่อน ก่อนที่คุณจะเบื่อหน่ายหรือระอากับแฟนเก่ารายนี้ อย่างน้อยก็ขอให้ได้ถามกันก่อนว่า ติดต่อกลับมาทำไมอะไรเงี้ยหากแฟนเก่าแจ้งความประสงค์จะขอเป็นเพื่อนก็ให้ความเป็นเพื่อนได้ แต่ถ้าตื๊อไม่ให้มีคนใหม่ ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า จะจัดการอย่างไร? ยังไงก็ขอให้เห็นใจคนเคยรัก ด้วยการเจรจาให้รู้เรื่องกันไป.@@@@เมอร์ลิน
