เมื่อเทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แนวทางการดูแลสุขภาพของเราก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่ต้องรอให้เกิดอาการแล้วจึงไปพบแพทย์ กลายเป็นการเฝ้าระวังเชิงรุก ผ่านอุปกรณ์ที่เราสวมใส่และใช้งานทุกวันล่าสุด แอปเปิลได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่อาจพลิกโฉมวิธีดูแลสุขภาพของเรา ได้แก่ การแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep Apnea notifications) บน Apple Watch และฟีเจอร์การช่วยดูแลสุขภาพการได้ยิน (Hearing Test และ Hearing Aid) ผ่านหูฟัง AirPods Pro 2 โดยผู้ใช้ในประเทศไทยสามารถใช้งานได้ผ่านการอัปเดตอัตโนมัติหยุดหายใจขณะหลับ ภัยเงียบที่ไม่รู้ตัวภาวะหยุดหายใจขณะหลับคือภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม ภาวะนี้ส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก โดย 80% ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง อาการเช่น นอนกรน หรือหลับไม่สนิท อาจเป็นสัญญาณของการที่ทางเดินหายใจถูกปิดกั้น ส่งผลให้ร่างกายขาดออก ซิเจนเป็นช่วงๆ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะสมองเสื่อม Apple Watch รุ่น Series 9, Series 10 และ Ultra 2 จะสามารถตรวจจับรูปแบบการหายใจระหว่างนอนได้ โดยใช้เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวของข้อมือ ร่วมกับการวิเคราะห์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อประเมินความเสี่ยงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับระบบจะบันทึกค่าการหายใจระหว่างนอนคืนละ 1 ค่า ระบุว่าอยู่ในระดับ “ปกติ” (Not Elevated) หรือ “สูงกว่าปกติ” (Elevated) และจะประเมินแนวโน้มทุกๆ 30 วัน หากพบว่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของช่วงเวลานั้นอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนและสามารถจัดทำเป็นไฟล์ PDF เพื่อปรึกษาแพทย์การเปิดใช้งานจะเริ่มต้นด้วยกระบวนการแนะนำคล้ายกับแอป ECG โดยจะถามคำถามต่างๆ เช่น อายุ (ผู้ใช้งานต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป) และหากผู้ใช้ได้รับการวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับมาแล้ว จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ เพราะออกแบบมาสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยAirPods Pro 2 เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์ช่วยฟังฟีเจอร์การช่วยดูแลสุขภาพการได้ยิน สะท้อนจากงานวิจัยของแอปเปิล ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินกว่า 75% ยังไม่เคยรับการวินิจฉัยหรือใช้อุปกรณ์ช่วยฟัง ด้วยเหตุผลที่หลากหลาย ตั้งแต่ไม่รู้ตัวจนถึงความรู้สึกต่อต้านการใช้เครื่องช่วยฟังแบบเดิมด้วยเฟิร์มแวร์ใหม่ของ AirPods Pro 2 (อัปเดตซอฟต์แวร์ภายในหูฟัง) เมื่อใช้งานร่วมกับ iPhone หรือ iPad ที่อัปเดตเป็น iOS 18 ขึ้นไป จะสามารถทำแบบทดสอบการได้ยินด้วยตนเอง ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แล้วระบบจะสร้าง “โปรไฟล์การได้ยินเฉพาะบุคคล” เพื่อปรับเสียงโดยอัตโนมัติจุดเด่นคือ ผู้ใช้สามารถใช้งานโปรไฟล์นี้กับทุกอุปกรณ์ของแอปเปิลโดยไม่ต้องตั้งค่าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง ดูหนัง หรือโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ลดเสียงดังแบบอัจฉริยะ (Loud Sound Reduction) ที่ช่วยป้องกันอันตรายจากเสียงที่อาจทำลายการได้ยิน เช่น เสียงมอเตอร์ไซค์ หรือเสียงในคลาสออกกำลังกายที่ดังเกิน 85 เดซิเบล โดยระบบจะประมวลผลเสียง 48,000 ครั้งต่อวินาที และลดระดับเสียงให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแบบเรียลไทม์Apple ไม่ได้เพียงพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ แต่กำลังยกระดับให้กลายเป็น “ผู้ช่วยสุขภาพส่วนตัว” ที่สามารถตรวจจับสัญญาณผิดปกติในชีวิตประจำวัน และยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ รอเปิดตัวในอนาคตเทคโนโลยีเหล่านี้มีศักยภาพในการลดจำนวนผู้ป่วยที่เข้าสู่โรงพยาบาลในระยะรุนแรง ช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในสังคมไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยแนวทางที่เหมาะสมคือ การใช้เทคโนโลยีควบคู่กับการพบแพทย์เมื่อจำเป็น เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่ทันสมัย ป้องกันได้เร็ว และเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม