ในช่วงนี้ในวงการสมาร์ทโฟนคงไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่า iPhone หลังจากเปิดจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นวันแรกได้รับความสนใจมาก ลูกค้าที่สนใจได้แห่กันไปเข้าคิวที่ร้าน Apple Store ที่ Iconsiam ทั้งการจองออนไลน์และไปเข้าคิวตั้งแต่ค่ำคืนก่อนหน้า, ตัวแทนจำหน่าย และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือดังเป็นที่ทราบกันว่า iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ได้รับความสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากราคาจำหน่ายที่ Apple ถูกกว่ารุ่นก่อนหน้าหลายพันบาทเมื่อเทียบกับการออกรุ่นใหม่ในปีที่ผ่านมา ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการอัดแน่นสิ่งใหม่ๆ ที่ Apple ใส่เข้ามาเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความสนใจให้กับผู้บริโภคขึ้นไปอีกเรามาดูกันว่ามีอะไรใหม่ๆที่น่าสนใจกันบ้าง เริ่มจาก iPhone 11 ตั้งราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 24,900 บาท กับจอภาพ Retina Display ขนาด 6.1 นิ้ว ผ่านการออกแบบผ่านกระบวนการตัดและบด ก่อนขึ้นรูปด้วยความแม่นยำจากกระจกเพียงชิ้นเดียวมีความแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน มาตรฐาน IP68 ทนน้ำที่ความลึกไม่เกิน 2 เมตรนานติดต่อกันสูงสุด 30 นาที มีระบบป้องกันภัยหากโดนของเหลวเช่นกาแฟหรือน้ำอัดลมหกใส่ iPhone 11กับคุณสมบัติ Haptic Touch ที่นำมาใช้แทน 3D Touch แต่การทำงานคล้ายกันคือแตะค้างไว้เพื่อเรียกเมนูย่อยในแอปพลิเคชันหรือในลิงก์นับว่าสะดวกดีตัวแอปกล้องถูกออกแบบใหม่ให้รองรับกับระบบกล้องคู่ กล้อง Wide และกล้อง Ultra Wide ขนาดกว้าง 120 องศากับความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f 2.4 ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพได้มุมมองกว้างกว่า 4 เท่า เวลาถ่ายสามารถเห็นภาพการถ่ายภาพจอกว้างและกว้างพิเศษได้พร้อมกันแล้วเลือกถ่ายได้เลยสำหรับในส่วนของ Portrait Mode หรือโหมดถ่ายภาพบุคคลได้เพิ่มเติมคุณสมบัติ High-Key Light Mono เพิ่มแสงใหม่เปลี่ยนฉากหลังเป็นสีขาวช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลให้โดดเด่นในอีกรูปแบบหนึ่ง สามารถบันทึกวิดีโอได้ง่ายๆ ผ่านทาง Quick Take เพียงแค่กดชัตเตอร์ในโหมดถ่ายภาพค้างไว้ ด้าน Night Mode นับเป็นการพลิกโฉมและเป็นคุณสมบัติที่หลายๆ คนเรียกร้องให้ Apple พัฒนามาใส่ใน iPhone ด้วย Focus Pixel แบบ 100% ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยในช่วงกลางคืนมีความสว่างมากขึ้น ชัดเจน ที่สำคัญนอยซ์ลดลงกล้องหน้า TrueDepth ขนาด 12 ล้านพิกเซลให้ถ่ายภาพเซลฟี่แบบจุใจและยังสามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพ 4K ที่ 60 fps และวิดีโอสโลว์โมชันที่ 120 fpsภาพถ่ายของ iPhone จะเป็นการผสมผสานการทำงานระหว่าง iPhone, iOS13 และชิป A13 Bionic ที่มี Neural Engine ให้พลังในการประมวลผลสูงสุดนำมาวิเคราะห์ภาพถ่ายแต่ละภาพให้ภาพสีสวยสมจริงและถูกต้องเป็นธรรมชาติ เช่น โทนสีผิวต่างๆ เป็นสีเหลืองภาพถ่ายจะเป็น สีเหลืองไม่ใช่สีส้ม หรือสีชมพูเป็นสีชมพูไม่ใช่สีม่วง ซึ่ง Apple ได้ใส่ใจกับการให้สีของภาพถ่ายที่ถูกต้องและเป็นอะเมซิ่งช็อตที่สวยงาม เมื่อมองภาพถ่ายที่ออกมาสวยงามเป็นเรื่องที่ยากมากแต่ด้วยการผสมผสานระหว่าง 3 ปัจจัยนี้ทำให้ภาพถ่ายออกมาได้สวยงามอย่างง่ายๆไม่เพียงแค่นั้น คุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า Computation Photo หรือ Deep Fusion ที่จะเปิดตัวในปีนี้ใน iOS 13.2 ซึ่งเป็นการรวมภาพแบบพิกเซลต่อพิกเซลยิ่งทำให้คุณภาพของภาพถ่ายได้มากกว่า HDRด้านการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงสุด 4K ที่ 60 fps การถ่ายผ่านกล้อง Wide และ Ultra Wide ทำให้ระบบกล้องคู่จะช่วยซูมกล้องแต่ละตัวได้ง่าย โหมด Audio Zoom จับคู่เสียงเข้ากับเฟรมของวิดีโอทำให้ได้เสียงแบบไดนามิกมากยิ่งขึ้น มีด้วยกัน 6 สีใหม่ที่น่าใช้เริ่มจากสีม่วง, เขียว, เหลือง, ดำ, ขาว และสีแดง iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Maxสำหรับ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มีคุณสมบัติเดียวกับ iPhone 11 แต่ได้เพิ่มเติมความพิเศษกับความเป็นโปรมากขึ้น มีความแตกต่างกันเริ่มต้นตั้งแต่จอภาพ ขนาด 5.8 นิ้ว และ 6.5 นิ้ว ตามลำดับ เพิ่มกล้องมาอีกหนึ่งตัวคือ Telephoto กับรูรับแสงขนาดใหญ่ขึ้น f2.0 โดย iPhone 11 Pro Max ต่างจาก iPhone 11 Pro คือขนาดจอใหญ่กว่า แบตเตอรี่ใหญ่กว่า และราคาแพงกว่าโดย iPhone 11 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 35,900 บาท ส่วน iPhone 11 Pro Max เริ่มต้นที่ 39,900 บาท มีสีใหม่คือ มิดไนท์กรีน, เทาสเปซเกรย์, เงินและทอง การออกแบบด้านหลังเป็นกระจกผิวด้าน พร้อมขอบสเตนเลสขัดเงา จอภาพแบบ Super Retina XDR ให้ความสว่างถึง 800 นิต ขณะที่รับวิดีโอความละเอียดสูงด้วยความสว่าง 1,200 นิตระบบกล้องระดับโปร นอกเหนือจากคุณสมบัติการถ่ายภาพแล้ว ด้านวิดีโอมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว และระบบการซูมเสียงให้สอดคล้องกับระดับการซูมของวิดีโอเพื่อให้เสียงที่มีไดนามิกยิ่งขึ้นบทสรุปหลังจากใช้งานมาหนึ่งสัปดาห์เต็มกับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro Max สัมผัสแรกเมื่อลองถ่ายภาพครั้งแรกรู้สึกได้ถึงคุณภาพของภาพที่ให้สีสันสวยงามคมชัดให้สีสมจริงแบบธรรมชาติทำให้รู้สึกดี ยิ่งทดลองถ่ายไปเรื่อยๆ จะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ต้องรับว่า Apple ไม่ได้มีดีแค่กล้องแต่ทำงานร่วมกันหลังฉากโดยผู้ใช้ไม่ต้องสนใจอะไร แค่ถ่ายอย่างเดียวเรื่องผลงานที่ออกมา iPhone จะประมวลผลออกมาให้เอง ด้านคุณสมบัติการถ่ายภาพ Portrait สามารถถ่ายได้ทั้งกล้อง Wide และกล้อง Tele มุมมองภาพที่ออกมาสวยงามแตกต่างกัน ขณะที่ในส่วนของ Night Mode ซึ่งออกมาแก้จุดอ่อนของ iPhone ในรุ่นที่ผ่านๆ ยอมแพ้ในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดี ทดสอบในที่แสงน้อย 90% มีไฟส่องสว่างในอาคารและไฟส่องสว่างในสวน ได้ภาพถ่ายให้ความสว่างชัดเจน ให้สีธรรมชาติ ทำได้ดีมากหากจะถามว่าแล้วรุ่นไหนที่น่าใช้ที่สุด สำหรับผมแล้ว iPhone 11 เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่หากเรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยหลัก iPhone 11 Pro Max จัดได้เลย.ข่าวที่เกี่ยวข้อง Apple iPhone 11คนทะลักแห่เข้าคิวซื้อไอโฟน 11 ที่แอปเปิลสโตร์ ไอคอนสยาม แห่งแรกในไทยเตรียมตัวเตรียมเงิน iPhone 11 มาขาย แล้วรุ่นไหนราคาดิ่งจนน่าซื้ออัปเดต iOS 13 ได้แล้ววันนี้ขาโหด วิเคราะห์ 3 เหตุผล iPhone 11 ราคาถูกลง ช่วยตัดสินใจ ราคาเรตนี้ ควรซื้อไหมเช็คราคาสินค้า ตอนนี้ที่ >>> https://compare-price.thairath.co.th/?utm_source=thairath&utm_medium=article&utm_content=biggo