เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเอลนูร์ มัมมาดอฟ รมช.ต่างประเทศอาเซอร์ไบจาน ได้กล่าวในพิธี เปิดสถานเอกอัครราชทูตอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเทพฯ โดยมี นายเอลชิน บาชีรอฟ เอกอัครราชทูตอาเซอร์ไบจาน และนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ ร่วมด้วย นายมัมมาดอฟระบุว่า การเปิดสถานทูตแห่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอาเซอร์ไบจานในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศไทย ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และความร่วมมือระหว่างประชาชน ซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องนายมัมมาดอฟยังกล่าวถึงการเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศในปี 2570 พร้อมย้ำว่าอาเซอร์ไบจานให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์กับไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลาย เศรษฐกิจขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว และมีบทบาทสำคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกในปีที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังมีศักยภาพขยายตัวได้อีกมาก โดยเฉพาะในสาขาพลังงาน พลังงานหมุนเวียน เกษตรกรรม โลจิสติกส์ เทคโนโลยีขั้นสูง และการท่องเที่ยวตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา อาเซอร์ ไบจานเป็นผู้ผลิตพลังงานรายสำคัญในลุ่มทะเลแคสเปียน พึ่งพารายได้จากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก อย่างไร ก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก อาเซอร์ไบจานได้กำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อกระจายโครงสร้างเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเล วางตำแหน่งประเทศเป็นศูนย์กลางการขนส่ง โดยเฉพาะเส้นทางโลจิสติกส์ “Middle Corridor” เชื่อมเอเชียกับยุโรป โดยไม่ต้องผ่านรัสเซีย หรือคลองสุเอซ รวมถึงการพัฒนาท่าเรือบากูให้ทันสมัย ล้วนเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากนานาชาติ รวมถึงประเทศไทยการเปิดสถานทูตอาเซอร์ไบจานในกรุงเทพฯ จึงไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ทางการทูตที่แข็งแกร่ง แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศต่อไปในอนาคต.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม