สำนักงานอัยการเมืองมิลานได้เปิดการสอบสวนกรณีอื้อฉาวที่เรียกว่า “สไนเปอร์ ซาฟารี” ที่คนรวยจากอิตาลีและหลายประเทศเดินทางไปที่เมืองซาราเยโว ที่ถูกกองทัพบอสเนีย–เซิร์บ ปิดล้อมในช่วงปี 2535–2539 ในทุกวันศุกร์ของสัปดาห์เพื่อซุ่มยิงสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในเมืองกลุ่มคนรวยเหล่านี้เป็นพวกชื่นชอบการใช้อาวุธปืน และได้จ่ายเงินให้กับทหารบอสเนีย-เซิร์บ ภายใต้การนำของนายราโดวาน คาราดซิช ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเซอร์เบีย ที่ต่อมาถูกตัดสินมีความผิดในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในปี 2559 และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต โดย ทหารเซิร์บจะนำกลุ่มคนรวยเหล่านี้ไปที่เนินเขารอบเมืองซาราเยโวเพื่อใช้อาวุธปืนยิงพลเรือนตามใจชอบ สนนราคาค่ายิงอยู่ที่ 100,000 ยูโร หรือ 3.7 ล้านบาท ซึ่งค่ายิงนี้คิดตามราคาเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันเพราะในเวลาที่เกิดเหตุเศร้าสลดดังกล่าว ยังไม่มีการใช้เงินสกุลยูโรในกลุ่มประเทศยุโรป แต่ไม่มีรายงานว่า ใครคือบุคคลที่เป็นตัวต้นคิดนำกลุ่มคนรวยเหล่านี้ไปยิงพลเรือนที่เมืองซาราเยโวอย่างโหดเหี้ยมที่น่าเศร้าคือ การยิงสังหารเด็ก ราคาค่ายิงจะเพิ่มสูงขึ้นกว่ายิงคนวัยหนุ่มสาว ส่วนคนแก่ ยิงฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จุดเริ่มต้นของการสอบสวนเหตุโศกนาฏ กรรมนี้เกิดขึ้นจากการที่นายเอซิโอ กาวาซเซนี ผู้สื่อข่าวชาวอิตาลี ร่วมกับนายนิโคลา บริกิดา ทนายความ และนายกีโด ซัลวินี อดีตผู้พิพากษา ร่วมกันยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการเมืองมิลาน โดยอาศัยหลักฐานคำให้การ 17 หน้าของนายเอดิน ซูบาซิช เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของบอสเนีย ที่ระบุว่า เขาและเพื่อนร่วมงานบางส่วนเคยแจ้งเรื่อง “สไนเปอร์ ซาฟารี” ต่อหน่วยข่าวกรองอิตาลีในต้นปี 2537 ซึ่งหน่วยข่าวกรองอิตาลีแจ้งกลับไปที่นายซูบาซิชว่า พบสถานที่รวมตัวกันของบรรดาสไนเปอร์ที่เมืองตริเอสเตก่อนออกเดินทาง และได้ขัดขวางการกระทำนี้แล้วแต่ความจริง ทัวร์ยิงพลเรือนที่เมืองซาราเยโวยังคงมีต่อเนื่องจนถึงปี 2539 ซึ่งพวกคนรวยสไนเปอร์เหล่านี้ยิงสังหารพลเรือนไป 225 ราย ในจำนวนนี้ 60 รายเป็นเด็ก และมีผู้บาดเจ็บ 1,030 คนอัยการอิตาลีได้ระบุตัวตนของผู้ต้องสงสัยชาวอิตาลี 5 คนว่า เคยร่วมเป็นสไนเปอร์เดินทางไปยิงพลเรือนที่เมืองซาราเยโวแล้ว และขยายผลการสอบสวนเพิ่มเติม หากพบว่ามีความผิดจริง สไนเปอร์เหล่านี้จะต้องเผชิญกับข้อหาอุกฉกรรจ์ ฆ่าคนตายโดยเจตนา.ผู้เล็กน้อยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม