นับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันหวนกลับมาปกครองประเทศอัฟกานิสถานเมื่อเดือน ส.ค.2021 หลังจากกองทัพสหรัฐฯถอนกำลังกลับบ้าน รัฐบาลตาลีบันได้ออกกฎหมายจำกัดสิทธิเสรีภาพของสตรีอย่างมากมาย เช่น ในด้านการทำงาน รัฐบาลตาลีบันห้ามผู้หญิงดำรงตำแหน่งในรัฐบาล ห้ามทำงานกับองค์กรเอ็นจีโอระหว่างประเทศ รวมถึงงานด้านบริหารในองค์กรต่างๆ และในเดือน ธ.ค.2567 รัฐบาลตาลีบันออกกฎหมายให้พนักงานหญิงทุกคนตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องออกจากงาน ให้ผู้ชายมาทำหน้าที่แทน เพื่อให้เป็นไปตามหลักศาสนาและเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิงการที่รัฐบาลตาลีบันอัฟกานิสถานห้ามผู้หญิงทำงานในองค์กร มหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาครัฐ ทำให้บรรดาผู้หญิงเหลือทางเลือกเดียวเพื่อหาเลี้ยงชีพ นั่นคือเป็นเจ้าของธุรกิจตัวเอง เช่น นาง “นาร์จีส์” คุณแม่ลูก 5 วัย 40 ปี ที่เคยเป็นนักวางแผนสุขศึกษาแผนกสูติกรรม รพ.มาลาไล ที่กรุงคาบูล ตอนนี้นาง “นาร์จีส์” หันมาเปิดร้านเล็กๆขายโบลานี ซึ่งก็คือขนมปังแบนยัดไส้โบราณของอัฟกานิสถาน ที่มีทั้งไส้ถั่ว ฝรั่ง หรือฟักทอง แม้จะเป็นเพียงร้านเล็กแต่ก็ทำให้นาง “นาร์จีส์” มีรายได้มากพอจะดูแลลูกทั้ง 5 คนได้ขณะที่สตรีอีกคนชื่อนาง “ฮูไมรา” ที่เคยเป็นครูสอนศาสนาในโรงเรียนมัธยมปลายหญิงล้วนก่อนโรงเรียนปิดตัวเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตอนนี้มาประกอบอาชีพขายขนมปังโบลานีเหมือนนาง “นาร์จีส์” และมีรายได้ดีเช่นกันด้านรัฐบาลตาลีบันอัฟกานิสถานสนับสนุนให้ผู้หญิงประกอบอาชีพค้าขายของตัวเอง โดยสมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งอัฟกานิสถานจัดฝึกอบรมผู้หญิงชาวอัฟกันในรูปแบบทั้งการพบปะกันจริงและผ่านทางออนไลน์เพื่อสอนแนวทางการทำธุรกิจ รวมทั้งจัดงานแสดงสินค้าที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของธุรกิจ และจากตัวเลขของสมาคมหอการค้าฯระบุว่า กิจการที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของมีจำนวนกว่า 100,000 แห่ง ในปี 2567 ซึ่งรวมถึงร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า ท้องถิ่น และร้านขายเพชรพลอย และตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มากเพราะยังไม่ได้รวมรถเข็นขายของเล็กๆข้างถนนที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับทางสมาคมหอการค้าฯ เช่น รถเข็นขายขนมปังโบลานีของนาง “นาร์จีส์” และนาง “ฮูไมรา”นับเป็นโอกาสใหม่ของเหล่าสตรีชาวอัฟกันเพื่อเลี้ยงปากท้องในสภาพแวดล้อมที่พวกเธอถูกจำกัดสิทธิอย่างเข้มงวดจากรัฐบาล.ผู้เล็กน้อยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม