ก่อนยุคโซเชียลมีเดีย สำนักระบาดวิทยาของหลายประเทศมักถูกกระทรวงท่องเที่ยวขอให้ ‘ระมัดระวัง’ ตัวเลขรายงานการเฝ้าระวังโรคในชาวต่างชาติ ทั้งตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ตายจากอาหารเป็นพิษความเชื่อมั่นในความปลอดภัยด้านอาหารมีผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวซึ่งเป็น 1 ในเสาหลักเศรษฐกิจของหลายประเทศกระทบต่อทั้งการท่องเที่ยวและความน่าเชื่อถือของสินค้าเกษตรและอาหารยุคโซเชียลมีเดีย การปิดบังข้อมูลทำกันไม่ได้ง่ายเหมือนเดิม สื่อหลายแห่งเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่า 9 พฤศจิกายน 2025 ครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน 4 คน พ่อแม่ลูก ไปเที่ยวนครอิสตันบูลของตุรกี ถึงที่พักแล้วก็ออกไปทานไส้กรอก เนื้อย่าง เครป และขนมท้องถิ่นหลังจากนั้นทุกคนก็อาเจียน ปวดท้อง เวียนหัว ต้องรีบกลับโรงแรม อาการของสมาชิกครอบครัวทั้งหมดทรุดหนัก โรงแรมจึงเรียกรถพยาบาล ลูกสองคนตายในรถระหว่างเดินทาง แม่ตายคืนแรก พ่อตายในคืนที่สอง ใครจะคิดว่าแค่ซื้อของกินก็ทำให้เกิดข่าว the entire family died ‘ตายทั้งครอบครัว’ขณะที่ตำรวจตุรกีสอบว่าอาหารจากร้านไหนเป็นพิษ ข่าวโซเชียลมีเดียแพร่ขยายกระจายไปจนทำให้การท่องเที่ยวชะลอตัวลงอย่างฉับพลันนอกจากนักท่องเที่ยวยุโรปจะยกเลิกการเดินทางไปเยือนตุรกีแล้ว ในโซเชียลมีเดียยังมีการขุดเรื่องในอดีตของตุรกีมาโพสต์และถล่มคอมเมนต์กันจนกลายเป็นดราม่าโซเชียล เป็นกระแสลุกลามรวดเร็ว จากวิจารณ์ความปลอดภัยด้านอาหาร ไปสู่คำถามเรื่องมาตรฐานสุขอนามัย และระบบสาธารณสุขของตุรกีข่าวนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากอาหารเป็นร่องรอยทางดิจิทัล หรือ digital footprint ของเมืองอิสตันบูล ข้อมูลทั้งหมดถูกเผยแพร่ทั้งข่าวออนไลน์ โพสต์ของพยาน กล้องวงจรปิด รีวิวโรงแรม บันทึกแพลตฟอร์มการท่องเที่ยว คำเตือนการเดินทาง ทิ้งร่องรอยที่ส่งผลต่อภาพลบของตุรกี มีทั้งแพลตฟอร์มบันทึกพฤติกรรมผู้คน ทั้งการยกเลิกทริป การลดจำนวนการค้นหา ข้อมูลพวกนี้เป็นเชิงสถิติที่นำไปวัดผลกระทบต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวได้หลังจากที่โลกเข้าสู่ยุคโซเชียลมีเดีย พฤติกรรมการบริโภค เปลี่ยนไปมาก แม้แต่การจะซื้อสินค้าใดสินค้าหนึ่งมาบริโภคคนจำนวนไม่น้อยยังไปเสิร์ชเรื่องของมาตรฐานความยั่งยืน ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า การปล่อยให้มีความเสื่อมโทรมของดิน การใช้น้ำ และการมีผลบวกและลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพโรงงานแปรรูปเกษตรในหลายประเทศพังเพราะถูกรายงานทางโซเชียลมีเดียเรื่องแรงงานเด็ก แรงงานบังคับ การคุ้มครองแรงงานตั้งครรภ์ แรงงานคนป่วย และความปลอดภัยโดยรวมของแรงงานสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น เริ่มบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำลายป่า เช่น EU Deforestation Regulation (EUDR) หรือกฎระเบียบสหภาพยุโรปว่าด้วยการป้องกันการทำลายป่าไม้บางกลุ่มประเทศตรวจสอบเรื่องการไม่มีแรงงานเด็ก หรือแรงงานบังคับ ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของสินค้า 1 ชิ้น ตั้งแต่ยังเป็นวัตถุดิบจนถึงมือผู้บริโภค ด้วยการออกกฎหมาย Human Rights Due Diligence หรือกระบวนการทบทวนและประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อความยั่งยืน รัฐบาลของแต่ละประเทศต้องให้ความรู้แก่ผู้ผลิตและส่งเสริมจนมีคำเหล่านี้ปรากฏในสินค้า เช่น Fairtrade (การค้ายุติธรรม) Rainforest Alliance (มาตรฐานป่าฝน) Organic (อินทรีย์) Global G.A.P. (มาตรฐานฟาร์มที่ดี) ISO 14001 (มาตรฐานสิ่งแวดล้อม) ฯลฯตัวอย่างประเทศอื่นโดน ‘ทัวร์ลง’ จนการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกพัง ทำให้เราต้องหันมาป้องกันตัวเองด้วยการยกระดับมาตรฐานทั้งการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจไทยยุคใหม่การสร้างมาตรฐานสูงด้านการรองรับนักท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงเรื่องความสะดวกสบายของผู้มาเยือน แต่หมายถึงภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก ถ้านักท่องเที่ยวเห็นว่าดีและปลอดภัยก็จะเพิ่มการเดินทางซ้ำและสร้างรายได้หมุนเวียนให้คนในชาติการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกก็มีผลโดยตรงต่อความสามารถของไทยในการแทรกตัวในห่วงโซ่อาหารโลกถ้าการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรถูกยกระดับพร้อมกัน ประเทศจะมีรายได้กระจายสู่ประชาชน และจะยืนหยัดบนเวทีเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรี.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม