สังคมทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับเรื่องเสรีภาพและความเท่าเทียมของมนุษย์ เราพูดกันว่าเพศหญิง, เพศชาย และ LGBTQIA+ ต้องได้รับสิทธิและได้รับความเคารพเสมอกันในฐานะมนุษย์ แต่ในความเป็นจริงแม้แต่ “ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน” ยังไม่ถูกมองในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกับเพศอื่นๆ“The Menopause Manifesto” (หมดเมนส์แล้วเป็นไง เตรียมตัวไว้ก่อนวัย 30) ถูกยกให้เป็นหนังสือเฟมินิสต์ขั้นสุดแห่งทศวรรษ “พญ.เจ็น กันเทอร์” สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางนรีเวชมากว่า 3 ทศวรรษ เขียนไว้อย่างตกผลึกในวัยใกล้หมดประจำเดือน และกำลังมีอาการร้อนวูบวาบอย่างรุนแรง เพื่อลบล้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัยหมดประจำเดือนและผู้หญิงวัยทองแพทย์บางคนมองผู้หญิงวัยทองที่กำลังทุกข์ทรมานจากวัยใกล้หมดประจำเดือนว่า เป็นพวกเรื่องมาก, คิดไปเอง หรือทุรนทุรายไปเอง ด้วยทัศนคติเหยียดผู้หญิงของสังคมชายเป็นใหญ่ ที่ไม่เคยสนใจความต้องการ หรือความรู้สึกแท้จริงของผู้หญิง ขณะที่สังคมส่วนใหญ่ตอบรับวัยหมดประจำเดือน (menopause) ด้วยทัศนคติว่า เป็นเรื่องเล็กๆของมนุษย์ป้าขี้บ่นน่ารำคาญตอนเป็น “เด็กหญิง” สังคมอาจให้คุณค่าในความน่ารักน่าเอ็นดู เมื่อเติบโตเป็น “หญิงสาว” คุณค่าก็เกิดจากความสวยสดและความสามารถในการตั้งครรภ์สืบสกุลให้ผู้ชาย แต่ “ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน” กลับถูกตราหน้าว่าเป็นมนุษย์ป้าที่แก่, เหี่ยว, อ้วน, โทรม, ซึมเศร้า และหมดคุณค่า ควรกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้าน หรือไม่ก็เข้าวัดสงบจิตสงบอารมณ์คุณหมอชี้ว่า การไม่พูดถึงวัยหมดประจำเดือนในบท สนทนาประจำวัน ทำให้ผู้หญิงไม่มีข้อมูลเรื่องวัยหมดประจำเดือน ซึ่งอาจทำให้ผู้หญิงรู้สึกขาดอำนาจ, กลัว และไม่กล้าพูดสิ่งนี้ เพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนเอง ไม่มีใครอยากยอมรับว่าหมดเมนส์ เพราะมันคือสัญลักษณ์ของความแก่!! ผู้หญิงหลายคนทุกข์ทรมานจากอาการวัยหมดประจำเดือน หรือไม่เคยได้รับการรักษา อาการ menopause อย่างเหมาะสม เพราะสังคมมีทัศนคติเก่าๆว่า “ก็แค่ส่วนหนึ่งของความเป็นผู้หญิง” หรือ “อาการไม่หนักขนาดนั้นหรอก จะโอดครวญทำไม”ความจริงแล้วปัญหาวัยหมดประจำเดือนใหญ่เกินขอบเขต ที่เป็นช่องว่างของความรู้และความไม่ใส่ใจทางการแพทย์ เพราะวัยหมดประจำเดือนสำหรับผู้หญิงจำนวนมากคือ “ความอ้างว้างโดดเดี่ยว” แต่กลับไม่มีเรื่องเล่า หรือวัฒนธรรมเกี่ยวกับวัยหมดประจำเดือน ไม่มีเครือข่ายเสียงกระซิบที่ช่วยให้ผู้หญิงเข้าใจกับอาการ menopause นอกจากการใช้ยาแล้ว ไม่มีสิ่งใดปลอบประโลมใจผู้หญิงให้คลายกังวลวัยหมดประจำเดือนไม่ใช่โรค แต่เป็นการปรับตัวทางวิวัฒนาการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สายพันธุ์มนุษย์มีชีวิตรอดจนถึงปัจจุบัน เป็นการปรับตัวแบบเดียวกับตอนมีเมนส์ทุกเดือน และเช่นเดียวกับตอนอุ้มท้องเป็นแม่คนเรื่องเล่าเกี่ยวกับวัยหมดประจำเดือนมักทำให้ผู้หญิงรู้สึกวิตกกังวลเงียบๆ แต่ข้อเท็จจริงคือประสบการณ์ menopause ของผู้หญิงแต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างมหาศาล บางคนมีอาการผิดปกติเล็กน้อย แต่บางคนมีอาการรุนแรงก็เพราะวัยหมดประจำเดือนมาพร้อมกับความสูงวัยของผู้หญิง จึงมักถูกเหมารวมว่าใครหมดเมนส์ก็เป็นมนุษย์ป้าที่ไม่มีอะไรให้ใส่ใจแล้ว แต่ถามจริงๆเถอะผู้หญิงสูงวัยมันต่างอะไรจากผู้ชายสูงวัย ในเมื่อสังขารก็ถดถอยลงตามวัยเหมือนๆกันต่อไปนี้ถ้าใครมาเรียกว่า “คุณป้าวัยทอง” อย่าคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะแท้จริงแล้วมันแฝงไปด้วยทัศนคติเหยียดผู้หญิงสูงวัยที่ฝังรากลึกในสังคม เวลาเห็นใครเกรี้ยวกราดและโมโหร้าย เลิกโทษว่าสงสัยเป็นวัยทอง มันเสียมารยาทสุดๆสำหรับผู้หญิงทุกคน บอกเลยว่าคุณสุดยอดเพราะตัวคุณ ไม่ใช่เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มันทรยศคุณหลังหมดเมนส์.มิสแซฟไฟร์คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม