กรณีที่ฝ่ายข้อมูลข่าวสารของกัมพูชาตัดสินใจฟาดฟันกับข่าวสารที่ไม่ไปทางเดียวกัน รวมถึงแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อรายงานของสื่อต่างประเทศบางสำนักนั้น ผลปรากฏว่าทางสำนักข่าว “เดอะ ดิโพลแมท” ชื่อดังของญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ยังมีรายงานภาคต่อจากที่นำมาเล่ารับใช้ไปเมื่อวันก่อนโดยบทความได้ระบุว่า ถึงฝ่ายกัมพูชาจะไประดม “อินฟลู” หรืออัดแคมเปญโซเชียลมีเดียกระหน่ำเพียงไร แต่สุดท้ายก็ย่อมหนีไม่พ้นกับคำถามว่า แล้วสภาพแวดล้อมสื่อมวลชนในกัมพูชามีอิสระจริงหรือสำหรับประเทศไทยนั้น ถึงจะถูกกลุ่มองค์กรอิสระหรือบริษัทวิเคราะห์อย่างฟรีดอม เฮาส์ หรือดิ อีโคโนมิสต์ตีตราว่ายังเป็น “ประชาธิปไตยที่บกพร่อง” แต่ไทยก็มีการจัดเลือกตั้งอย่างเป็นประจำ สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางภาคสังคม รักษาความหลากหลาย ทางด้านสภาพแวดล้อมของสื่อแม้จะมีข้อจำกัดอยู่บางประการตามกฎหมาย แต่การรายงานข่าวในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ หรือการรายงานข่าวในเรื่องที่จำเป็น ยังคงมีอยู่มากมาย ไม่รวมถึงการที่กรุงเทพมหานครมีสาขาของสำนักข่าวต่างประเทศ หรือมีนักข่าวต่างประเทศมาประจำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรอยเตอร์ส บีบีซี เอพี อัลจาซีรา ไฟแนนเชียลไทม์ส ไปจนถึงการมีอยู่ของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT)บทความยังระบุต่อไปว่า หากจะเปรียบเทียบกันแล้ว สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงในกัมพูชา แม้ประเทศจะมีการจัดเลือกตั้งเป็นระยะๆ แต่ก็เป็นที่รับรู้กันในแวดวงนานาชาติว่า เป็นรัฐบาลพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) เดียวที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จในช่วงทศวรรษที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการรื้อโครงสร้างสื่อมวลชนอย่างเป็นระบบ อย่างเรดิโอ ฟรี เอเชีย (RFA) ได้มีการปิดตัวไปในปี 2560 ด้วยเหตุผลว่า ถูกรัฐบาลกัมพูชาข่มขู่ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งในปีเดียวกันนั้น ก็มีสถานีวิทยุมากกว่า 20 แห่งที่เผยแพร่คอนเทนต์ของอาร์เอฟเอถูกสั่งให้ยุติ เช่นเดียวกับสื่อภาษาอังกฤษแคมโบเดีย เดลี ที่ถูกเล่นงานด้วยกฎหมายภาษีจนต้องปิดตัวลง.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม