ศิษย์เก่าสถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษา มหาวิทยาลัยมอสโก คนหนึ่งกำลังดังมากในรัสเซียและวงการระหว่างประเทศคือ ดมิทรี เซรเกเยวิช เปซคอฟ บุตรชายของอดีตเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำโอมานและปากีสถาน ตั้งแต่ ค.ศ.2012 เปซคอฟได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการของประธานาธิบดีรัสเซีย เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือโฆษกใหญ่ที่เรียกว่า Kremlin Press Secretary นอกจากนั้นยังเป็นรองหัวหน้าฝ่ายบริหารของสำนักประธานาธิบดีรัสเซียตอนนี้มีเรื่องที่เปซคอฟต้องออกมาตอบคำถามผู้สื่อข่าวเยอะ โดยเฉพาะ 2 เรื่องที่มีคนพยายามจะเสี้ยมให้รัสเซียกับสหรัฐฯมีความขัดแย้งรุนแรง1.สถานีโทรทัศน์เครือข่ายข่าวทางเคเบิล (CNN) ออกมาให้ข่าวว่า ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ค.ศ.2024 โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครพรรครีพับลิกัน บอกกับกลุ่มผู้บริจาคเอกชนว่า ตนเป็นคนเตือนปูตินเองว่า ตนจะไปบอมบ์กรุงมอสโกให้เละ หากรัสเซียยังเดินหน้าโจมตีอูเครน2.หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รายงานว่า เดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2024 หลังจากที่รู้ผลการเลือกตั้งแล้วว่าชนะแน่นอน แต่ยังไม่ได้เข้าพิธีสาบานตน ทรัมป์โทรศัพท์ไปหาปูติน และเตือนปูตินว่า อย่าได้ยกระดับสงคราม (รัสเซีย-อูเครน) ให้มากไปกว่านี้เปซคอฟอธิบายให้สื่อมวลชนและผู้สนใจในเรื่องนี้ฟังว่า เรื่องของ CNN ที่ทรัมป์ขู่จะทิ้งระเบิดกรุงมอสโกนั้น “ข้าพเจ้าไม่สามารถยืนยันหรือปฏิเสธได้ ถึงแม้ข้าพเจ้าอยากจะพูดก็ตาม พวกนี้ (เป็นคำขู่) จริงหรือปลอม พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” “สมัยนี้มีการปล่อยข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จออกมามากมาย” ส่วนการรายงานของวอชิงตันโพสต์นั้นเป็นเรื่องเท็จ “เป็นเรื่องแต่งขึ้นมาเองล้วนๆ”การสนทนาระหว่างปูตินและทรัมป์ที่ยืนยันได้อย่างเป็นทางการคือ 12 กุมภาพันธ์ 2025 หลังจากที่ทรัมป์เข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีแล้ว 23 วัน ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการสนทนาที่ยาว 1 ชั่วโมง 30 นาที เพียงแต่มีการให้รายละเอียดกว้างๆว่าเป็นเรื่องสถานการณ์สงครามในอูเครน ตะวันออกกลาง พลังงาน ปัญญาประดิษฐ์ และค่าเงินดอลลาร์ทรัมป์กับปูตินคุยกันทางโทรศัพท์อย่างเป็นทางการใน ค.ศ.2025 จำนวน 6 ครั้งคือ 12 กุมภาพันธ์, 18 มีนาคม, 19 พฤษภาคม, 4 มิถุนายน พอถึงวันที่ 14 มิถุนายน ปูตินโทรศัพท์หาทรัมป์เพื่ออวยพรวันคล้ายวันเกิดและหารือสถานการณ์ตะวันออกกลาง และครั้งล่าสุดที่โทรศัพท์คุยกันคือ 3 กรกฎาคม เกี่ยวกับสถานการณ์อูเครนและอิหร่าน8 กรกฎาคม 2025 ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาว ทรัมป์พูดต่อที่ประชุม โดยสื่อทุกสำนักรายงานตรงกันว่า ทรัมป์พูดถึงปูตินในแง่ลบว่า “We get a lot of bullshit thrown at us by Putin. He’s very nice all the time, but it turns out to be meaningless.” “ปูตินโยนเรื่องไร้สาระใส่เรามากมาย เขาทำตัวสุภาพกับเราตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็ไม่มีความหมายอะไรเลย” ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ทรัมป์ยังพูดถึงเรื่องการพิจารณาเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียด้วยCNN รายงานต่อไปว่า ทรัมป์เคยส่งคำเตือนคล้ายกัน (กับที่ส่งไปให้ปูติน) ไปยังนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เกี่ยวกับความเป็นไปได้หากจีนรุกรานไต้หวัน สหรัฐฯจะทิ้งระเบิดใส่กรุงปักกิ่งเป็นการตอบโต้ที่ผมนำเรื่องนี้มาเสนอ เพราะคำพูดของทรัมป์ที่ยั่วยุอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อาจจะทำให้ผู้นำ “ประเทศขนาดใหญ่” ที่เตรียมพร้อมกับการทำสงครามมาอย่างดีอย่างรัสเซียและจีนตัดสินใจร่วมมือกันตอบโต้สหรัฐฯ และมีโอกาสบานปลายเป็นสงครามโลก สงครามโลกครั้งต่อไปจะรุนแรงกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2ผู้สนับสนุนซีกสหรัฐฯมักจะขู่ว่า สหรัฐฯมีหัวรบนิวเคลียร์ 3,748 หัวรบ (ตัวเลข 3 กันยายน 2023 พอถึง ค.ศ.2025 มีรายงานว่าหัวรบที่ใช้งานได้ 1,770 หัวรบ) ในขณะที่รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ใน ค.ศ.2025 จำนวน 5,459 หัวรบ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯรายงานเมื่อสิ้น ค.ศ.2024 ว่า จีนมีหัวรบนิวเคลียร์มากกว่า 600 หัวรบ มีอัตราการเพิ่มขึ้น 100 หัวรบต่อปีผู้นำของประเทศที่มีหัวรบนิวเคลียร์จะต้องไม่ใช่คนที่มีลักษณะยั่วยุ มุทะลุ คำพูดที่ยั่วยุอาจจะนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ซึ่งเป็นอภิพญามหาสงครามล้างโลก เพราะ “ต่างฝ่ายต่างมีของ”.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม