งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา “หาน จื้อ เฉียง” เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ส่งสารมาว่า กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลาเกือบ 4 ปีแล้ว และถึงเวลาต้องอำลาผมได้เดินทางเยี่ยมเยือนสถานที่ต่างๆ ของประเทศไทย ทำความรู้จักกับเพื่อนๆจากหลากหลายวงการ ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่ถือได้ว่าสะท้อนให้เห็นถึง “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ที่เป็นจำนวนไม่ถ้วนในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ผมได้เป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างจีนกับไทยในยามผ่านร้อนผ่านหนาว ผมได้มาถึงไทยภายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังรุนแรงอยู่ ตั้งแต่วิดีโอของผู้นำไทยที่กล่าวให้กำลังใจจีนว่า “สู้ๆ ประเทศจีน สู้ๆ อู่ฮั่น” ไปจนถึงวัคซีนโควิด-19 จำนวน 200,000 โดสแรกจากจีนที่ส่งมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ น้ำใจที่มีต่อกันในยามทุกข์ยากนี้ยังคงซาบซึ้งอยู่ในใจผมอย่างลึกซึ้ง ความร่วมมือในการต่อสู้กับโควิด-19 ครั้งนี้ ก็ได้ยกระดับมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ผมได้เป็นสักขีพยานถึงการยกระดับความสัมพันธ์จีน-ไทยภายใต้การชี้นำของผู้นำระดับสูง เดือน พ.ย.2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการเยือนที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เมื่อได้เห็นพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปฏิสันถารกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของทั้งสองประเทศประกาศร่วมกันว่าจะสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทย เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น ผมรู้สึกอย่างยิ่งว่าประตูสู่ยุคใหม่ของความสัมพันธ์จีน-ไทยได้เปิดออกแล้ว“ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ผมได้เป็นสักขีพยานถึงการพัฒนาอย่างรวดเร็วของความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและไทย ซึ่งส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศเป็นอย่างมาก จีนและไทยเป็นหุ้นส่วนการค้าหลักซึ่งกันและกัน จีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย เป็นแหล่งลงทุนจากต่างประเทศสำคัญที่สุดของไทย และเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของไทยต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี”...ความประทับใจในช่วงเวลาที่ได้มาประจำตำแหน่งในประเทศไทยของทูตจีนไม่ได้มีเท่านี้ แต่วันนี้เนื้อที่สั้นไปนิด ขอไว้นำเสนอกันอีกในตอนต่อไปนะครับ.คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม