เมื่อ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ส่งคืนรูปปั้นพระอวโลกิเตศวร ซึ่งเป็นพระผู้ทรงมหาการุณภาพ ช่วยเหลือมนุษย์ที่ตกทุกข์ให้พ้นภัยทั้งปวง กลับไปประทับที่วัดคันนงจิ บนเกาะสึชิมะ จังหวัดนางาซากิของญี่ปุ่น และเตรียมนำไปประทับในพิพิธภัณฑ์ สึชิมะ พร้อมการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา หลังรูปปั้นดังกล่าวกลายเป็นประเด็น พิพาทระหว่างทั้ง 2 ชาติมาเกือบ 13 ปีสำหรับจุดเริ่มต้นของข้อพิพาทนี้ มาจาก การที่มีหัวขโมยรายหนึ่ง ได้ขโมยสิ่งของล้ำค่าสมัยศตวรรษที่ 14 (ระหว่างปี 1844-1943) ซึ่งยังเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมอย่างรูปปั้นพระอวโลกิเตศวร ปางประทานพรในท่านั่งขัดสมาธิ เคลือบทองเหลือง ความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ออกไปจากวัดคันนงจิ และพยายามลักลอบนำไปขายในเกาหลีใต้เมื่อเดือน ต.ค.2555 แต่สุดท้ายตำรวจเกาหลีใต้สามารถจับกุมมือขโมยและยึดของกลางเอาไว้ได้อย่างไรก็ตาม เรื่องกลับยุ่งเหยิงมากขึ้น เพราะในปี 2559 วัดบูซอกซา เมืองซอซาน จังหวัดชุงชองใต้ของเกาหลีใต้ ยื่นฟ้องต่อศาลโดยอ้างว่า รูปปั้นพระอวโลกิเตศวรองค์นี้เป็นของทางวัด ซึ่งถูกขโมยออกไปในช่วงศตวรรษที่ 14 โดยกลุ่มโจรสลัดวาโกะจากญี่ปุ่น โดยในคราวแรกศาลตัดสินว่า วัดบูซอกซาเป็นเจ้าของรูปปั้นนี้ เพราะมีเหตุผลที่สามารถสันนิษฐานได้ว่า วัดคันนงจิไม่ใช่เจ้าของตัวจริงต่อมาในปี 2566 มีการกลับการตัดสินอีกครั้ง ผลปรากฏว่า วัดคันนงจิมีสิทธิครอบครอง รูปปั้นพระอวโลกิเตศวรองค์นี้และต้องส่งคืนให้ญี่ปุ่น โดยศาลระบุว่า เมื่อพิจารณาตามกฎหมายของญี่ปุ่นแล้ว บุคคลหรือนิติบุคคลจะได้รับสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของตัวเอง หากครอบครองสิ่งนั้นอย่างสงบและเปิดเผยเป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปีด้วยเหตุนี้ วัดคันนงจิจึงเป็นเจ้าของรูปปั้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายนับแต่ปี 2516 สืบเนื่องจากวัดแห่งนี้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อปี 2496.ญาทิตา เอราวรรณคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม