โลกช็อก! ลอบสังหาร “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดี และผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขณะเปิดปราศรัยหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย มือปืนเป็นวัยรุ่นเพิ่งเรียนจบ ม.ปลาย ใช้ปืนไรเฟิลยิงจากหลังคาอาคารทางด้านขวาของเวทีปราศรัย ห่างแค่ 150 เมตร กระสุนพุ่งเจาะใบหูทรัมป์เลือดอาบ แต่คนที่มาฟังการปราศรัยโดนลูกหลง กระสุนเจาะกะโหลกตายคาที่ 1 เจ็บสาหัส 2 ก่อนที่มือปืนถูกชุดสไนเปอร์ “หน่วยซีเคร็ต เซอร์วิส” ยิงวิสามัญฯทันควัน ด้านผู้นำทั่วโลกพร้อมใจประณามเหตุร้าย และส่งกำลังใจให้ “ทรัมป์” ที่หลังทำแผลเสร็จได้เดินทางกลับบ้านพักส่วนตัวในรัฐนิวเจอร์ซีย์ทันทีบรรยากาศการเมืองสหรัฐอเมริกาส่อเค้าทวีความตึงเครียด หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีต ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 78 ปี ถูกคนร้ายพยายามลอบสังหาร ด้วยการใช้ปืนไรเฟิลยิงใส่ระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย จนได้รับบาดเจ็บ ถือเป็นเหตุมุ่งร้ายโดยตรงต่อประธานาธิบดี หรือผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในรอบเกือบ 20 ปี ทั้งเหตุดังกล่าวยังเกิดขึ้น 2 วัน ก่อนการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน เพื่อรับรองนายทรัมป์ในฐานะตัวแทนพรรคไปชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในศึกเลือกตั้งเดือน พ.ย.นี้ ยิงระทึกกลางงานปราศรัยทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าเหตุระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.15 น.ของวันที่ 13 ก.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯหรือประมาณ 05.15 น.ของวันที่ 14 ก.ค.ตามเวลาประเทศไทย ภายในงานชุมนุมหาเสียงของนายทรัมป์ ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย หนึ่งในรัฐ “สวิงสเตท” หรือรัฐตัวแปรวัดผลการเลือกตั้งที่คะแนนเสียงสนับสนุนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังมีความไม่ชัดเจน หลังจากนายทรัมป์ขึ้นปราศรัยบนเวทีไปประมาณ 7 นาที ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด และทำให้นายทรัมป์ยกมือปาดที่หูขวา ดูว่าที่รู้สึกเจ็บเกิดจากอะไร ก่อนก้มตัวหมอบลงกับพื้นในทันที หลังจากมีเสียงปืนดังตามมาเป็นชุด พร้อมมีเจ้าหน้าที่ชุดอารักขาประธานาธิบดี “ซีเคร็ต เซอร์วิส” หลายนายกระโดดขึ้นมาบนเวที ช่วยกันใช้ตัวบังร่างของนายทรัมป์เอาไว้ชุดสไนเปอร์ยิงสวนทันควันภายในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีนั้น ทางชุดสไนเปอร์ซุ่มยิงของหน่วยซีเคร็ต เซอร์วิส ซึ่งรักษาความปลอดภัยพื้นที่ชุมนุมอยู่บนหลังคาโรงนาด้านหลังเวทีปราศรัยจำนวน 2 ทีม ทีมละ 2 นาย ได้ค้นพบตำแหน่งที่อยู่ของคนร้ายบนหลังคาอาคารฝั่งตรงข้ามถนนทางด้านขวาของเวทีหาเสียงและยิงปืนสวนไปในทันที ก่อนมีการวิทยุสื่อสารแจ้งว่า คนร้ายถูกจัดการเรียบร้อย ทีมอารักขาจึงมีคำสั่งให้พาตัวบุคคลสำคัญออกจากที่เกิดเหตุ แต่นายทรัมป์พยายามบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าขอรองเท้าก่อนๆถึง 4 รอบ ก่อนบอกให้เจ้าหน้าที่หยุดรอสักครู่และชูกำปั้นปลุกใจผู้สนับสนุนและตะโกนด้วยใบหน้าที่เปื้อนเลือดว่า สู้ต่อ สู้ต่อ จนสร้างเสียงโฮ่ร้องอันดังกึกก้องเอฟบีไอยันเป็นเหตุลอบสังหารต่อมา นายเควิน โรเจก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางแห่งชาติสหรัฐฯ (FBI) พร้อมด้วยนายจอร์จ บีเวนส์ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐเพนซิลเวเนีย ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้เป็นความพยายามลอบสังหารผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และส่งผลให้นายทรัมป์ได้รับบาดเจ็บที่ใบหูขวาด้านบน ทั้งเป็นเรื่องน่าเศร้าที่กระสุนของคนร้าย พุ่งเลยนายทรัมป์ไปถูกชาวบ้านที่มาร่วมฟังปราศรัยด้านหลัง มีชาย 1 คน ถูกกระสุนเข้าบริเวณศีรษะ จนกะโหลกเปิดสมองไหล เสียชีวิตคาที่และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คนเผยชื่อผู้ต้องสงสัยวัยรุ่นจากการสอบสวนเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเบื้องต้นว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุครั้งนี้คือนายโธมัส แมทธิว ครุกส์ ชาวอเมริกันผิวขาว วัย 20 ปี เป็นคนรัฐเพนซิลเวเนีย อาศัยอยู่ในชุมชนเบเธล พาร์ค ห่างจากเวทีปราศรัย เมืองบัตเลอร์ไปประมาณ 64 กิโลเมตร ขณะที่สื่อท้องถิ่นระบุเพิ่มว่านายครุกส์เพิ่งจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย เมื่อปี 2565 เคยได้รับรางวัล 500 ดอลลาร์สหรัฐฯจากโครงการแข่งขันคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ระดับท้องถิ่น ส่วนประวัติด้านการเมือง เจ้าตัวลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน แต่เคยบริจาคเงินส่วนตัวให้กับโครงการระดมทุนของนักการเมืองพรรคเดโมแครต ตรวจดีเอ็นเอคนร้ายเพื่อยืนยันอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เอฟบีไออยู่ระหว่างการตรวจสอบดีเอ็นเอเพื่อยืนยันตัวตนให้ชัดเจนว่าคนร้ายคือนายครุกส์ ใช่หรือไม่ หลังจากการตรวจค้นศพในที่เกิดเหตุไม่พบบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ อีกทั้งในโซเชียลมีเดียยังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของบุคคลที่อ้างตัวว่าคือนายโธมัส แมทธิว ครุกส์ ที่ระบุว่าเกลียดทรัมป์ เกลียดรีพับลิกัน แต่เขาไม่ใช่คนร้ายที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุจุดยิงอยู่ห่างแค่ร้อยกว่าเมตรนอกจากนี้ สถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอสของสหรัฐฯ และสำนักข่าวบีบีซีอังกฤษ ยังรายงานว่า จุดที่คนร้ายทำการซุ่มยิงใส่นายทรัมป์ เป็นอาคารที่อยู่ทางด้านขวาของเวที มีระยะห่างจากจุดที่นายทรัมป์ยืนปราศรัยไปประมาณ 150 เมตร คนร้ายสวมเสื้อลายพราง ใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ รุ่นเออาร์-15 แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของปืนว่ามีขาตั้งติดปืนหรือใช้กล้องสโคประยะใด ทั้งไม่ได้เปิดเผยว่าขนาดกระสุนที่ใช้ก่อเหตุครั้งนี้มีขนาดเท่าไร แต่เบื้องต้นมีนักวิเคราะห์ประเมินว่าอาจเป็นกระสุน .22 ไม่ใช่กระสุนไรเฟิล 5.56 มม.ชาวบ้านโวยตำรวจเมินคำเตือนขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นายเกรก สมิธ ชาวอเมริกันที่มาร่วมฟังปราศรัยให้สัมภาษณ์สื่อบีบีซี ว่า เห็นมือปืนคลานอยู่บนหลังคาในช่วงที่นายทรัมป์พูดไปได้ 3 นาที พวกเราแถวนั้นพยายามบอกกับตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยว่ามีมืิอปืนอยู่บนหลังคา แต่คำตอบที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่คือหา? อะไรนะ? พร้อมกับทำหน้างุนงง ทำให้พวกเราเริ่มตื่นตระหนกแล้วว่าทำไมนายทรัมป์ยังกล่าวปราศรัยต่อไปไม่มีใครขึ้นไปเบรก พยายามโบกมือไปยังทีมสไนเปอร์บนโรงนาด้านหลังเวที และช่วยกันชี้นิ้วบอกว่ามีมืิอปืนอยู่ตรงนี้ สุดท้ายก็ไม่ทันกาลเสียงปืนดังขึ้น นายทรัมป์และชาวบ้านใกล้เวทีถูกยิงทรัมป์เสียใจ-เล่าเหตุการณ์จากนั้น ช่วงเย็นวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายทรัมป์ได้เข้าทำแผลที่โรงพยาบาลท้องถิ่น และเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้านพักส่วนตัวในรัฐนิวเจอร์ซีเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเขียนข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ชุดอารักขา และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ลอบยิงในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย สิ่งสำคัญที่สุดคือ อยากขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังครอบครัวของผู้สนับสนุนที่ถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บในงานชุมนุมหาเสียงครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องอันน่าเหลือเชื่อที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศของเรา “ผมถูกยิงเข้าที่ด้านบนของใบหูขวา ตอนนั้นผมรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น หลังจากได้ยินเสียงเฟี้ยวที่ตามมาด้วยความรู้สึกของกระสุนที่ทะลุผิวหนัง เลือดออกเยอะอยู่ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองอเมริกา ผมไม่มีวันยอมแพ้” นายทรัมป์ระบุ ไบเดนโทร.ถามอาการทรัมป์ส่วนนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 81 ปี และคู่แข่งของนายทรัมป์ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ได้โทรศัพท์ถามไถ่อาการนายทรัมป์ แต่ไม่เผยรายละเอียดของการสนทนา พร้อมออกแถลงการณ์ว่า รู้สึกยินดีที่นายทรัมป์ปลอดภัย ตัวเขาได้สวดภาวนาให้นายทรัมป์ สมาชิกครอบครัว และชาวบ้านทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ การใช้ความรุนแรงเยี่ยงนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นในอเมริกา พวกเราไม่ควรปล่อยวางเรื่องนี้ ส่วนเป็นการลอบสังหารหรือไม่นั้น ต้องขอดูข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมก่อนรีพับลิกันลั่นเปิดสอบข้อเท็จจริงด้านนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทน ราษฎรสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า สส.พรรครีพับลิกันจะเปิดการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างเต็มรูปแบบว่า ทำไมคนร้ายถึงเล็ดรอดสายตาของหน่วยอารักขาประธานาธิบดี ขึ้นไปอยู่บนหลังคาใกล้กับเวทีของนายทรัมป์และลงมือลั่นไกเป็นจำนวนหลายนัดก่อนถูกยิงวิสามัญ ทางคณะกรรมาธิการสภาจะเรียกตัว นางคิมเบอร์ลี ชีเทิล ผู้อำนวยการสำนักงานซีเคร็ต เซอร์วิส รวมถึงตัวแทนที่เหมาะสมจากสำนักงานเอฟบีไอมาให้การในทันที ชาวอเมริกันสมควรจะได้รับรู้ความจริงผู้นำโลกร่วมส่งกำลังใจขณะเดียวกัน ผู้นำทั่วโลกไม่ว่านายเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี นางจอร์จา เมโลนี นายก รัฐมนตรีอิตาลี นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี อิสราเอล นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสห ประชาชาติ ยังส่งสารประณามเหตุลอบยิง และรู้สึกยินดีที่นายทรัมป์ปลอดภัย“เศรษฐา” ตกใจ “ทรัมป์” ถูกยิงขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ จ.เชียงราย ถึงเหตุลอบยิงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าไม่มีที่ไหนทำแบบนี้อีกแล้ว เป็นเรื่องน่าตกใจ คือเพิ่งเริ่มการแข่งขัน และรัฐเพนซิลเวเนียเป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน เป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก หวังว่าท่านจะปลอดภัย ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยของนายกฯไทยคิดว่าประเทศเรากับประเทศเขามันต่างกัน ตนเชื่อว่าระบบรักษาความปลอดภัยของเราดีพออยู่แล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงแล้วกันเหตุทำร้ายผู้นำอดีต-ปัจจุบันทั้งนี้ ตลอดวันสื่อต่างๆทั่วโลกยังคงรายงานเหตุลอบสังหารนายทรัมป์อย่างต่อเนื่องรวมถึงมีการนำเสนอรายงานวิจัยของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ที่ระบุว่า นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เกิดเหตุการณ์ทำร้ายประธานาธิบดี อดีตประธานาธิบดี และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นจำนวน 15 ครั้ง (ไม่นับเหตุทรัมป์) ในจำนวนนี้ส่งผลให้ถึงแก่ความตายจำนวน 5 คน ได้แก่ ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ในปี 2408 ประธานาธิบดีเจมส์ การ์ฟิลด์ ปี 2424 ประธานาธิบดีวิลเลียม แม็คคินลีย์ ปี 2444 ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี “เจเอฟเค” ปี 2506 และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรเบิร์ด เอฟ.เคนเนดี น้องชายของเจเอฟเค ปี 2511 ส่วนผู้นำสหรัฐฯ ที่ถูกทำร้ายแต่รอดชีวิต มีทั้งประธานาธิบดี เจรัลด์ ฟอร์ด ปี 2518 ประธานา ธิบดีโรนัลด์ เรแกน ถูกยิงบาดเจ็บปี 2524 ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยูบุช ถูกขว้างระเบิดใส่ระหว่างเยือนประเทศจอร์เจีย แต่ระเบิดไม่ทำงาน ในปี 2548อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่